fbpx

Posts Tagged water purification

หลอดกรองน้ำ Frontier Pro™ VS Frontier

เรื่องราวของน้ำในการดำรงชีวิต เป็นเรื่องที่ละเลยไม่ได้เลยครับ ยิ่งในสถานการณ์ฉุกเฉินอย่างภาวะน้ำท่วมแล้ว เราแทบจะไปหาน้ำสะอาดจากที่ไหนไม่ได้เลย ทั้งๆที่มีน้ำอยู่รอบตัวไปหมด ยิ่งผ่านไปหลายวัน น้ำก็จะยิ่งมีอันตรายมากขึ้นที่จะบริโภค ทั้งจากเชื้อโรค, จากซากสัตว์ที่ตาย และมูลปฏิกูลต่างๆที่อยู่ในน้ำ แหล่งปฏิกูลที่ถูกน้ำท่วม ระบบน้ำเสียที่เอ่อล้นออกมา ปนกันมั่วไปหมดแบบนี้ จะก่อให้เกิดโรคภัยที่ร้ายแรงได้ หากเราไม่เตรียมการไว้แต่เนิ่นๆครับ

ผมขอแนะนำหลอดกรองน้ำ ซึ่งเป็นอุปกรณ์กรองน้ำ ที่ใช้งานง่าย กะทัดรัด สะดวกพกพา และน้ำหนักเบา แต่คุณภาพการกรองสูงของ McNett ซึ่งมีด้วยกัน 2 รุ่น คือรุ่น Frontier และ Frontier Pro ที่ผ่านมาตรฐานกองทัพสหรัฐฯ โดยในกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ McNett ที่เกี่ยวข้องกับน้ำดื่มนั้น มีด้วยกันอยู่หลายตัว โดยใช้ชื่อกลุ่มผลิตภัณฑ์ของตนว่า Aquamira(อความีร่า) เช่น ยาเม็ดปรับสภาพน้ำสำหรับดื่ม Aquamira Water Purification Tablet และหลอดกรองน้ำฉุกเฉิน Aquamira Frontier Pro ซึ่งเป็นสินค้าที่ผมจะมาแนะนำครับ

Frontier Pro นั้นถือว่าเป็นหลอดกรองน้ำ ที่มีขนาดเล็ก แต่ประสิทธิภาพสูงมาก มันมีขนาดใหญ่แค่ฝ่ามือ และเบาเพียง 56 กรัมเท่านั้น แต่ความทนทาน และประโยชน์ใช้งานมากมาย ยิ่งเป็น Frontier รุ่นธรรมดาด้วยแล้ว จะเล็กและเบากว่า แต่ผมจะมาแนะนำ Frontier Pro ให้ได้รู้จักกันมากขึ้น เพราะมันมีความแตกต่างจาก Frontier ธรรมดาอยู่ 3 ประการ คือ

1. มีวิธีการใช้งานที่ยืดหยุ่นกว่า Frontier รุ่นธรรมดา

Frontier รุ่น Pro นี่คือการปรับปรุงและเพิ่มประสิทธิภาพจาก Frontier ให้ดีขึ้นครับ มันไม่ต้องการอุปกรณ์อะไรอื่นๆเพิ่มเติม สามารถใช้กรองน้ำดื่ม ได้หลากหลายวิธีด้วยกัน ตั้งแต่การต่อกับถุงน้ำโดยตรง โดยสามารถใช้งานร่วมกับขวดน้ำขนาด 28 มม. ชนิดเกลียว 3 ชั้น ทั่วไปได้เลย หรือจะหมุนเกลียวเอาวาวล์ปิดทางน้ำเข้าออก แล้วมาต่อเข้ากับขวดน้ำพับได้ทั่วไปอย่าง Platypus , Nalgene, Evernewฯ เพื่อใช้กรองไปดื่มไปได้ในตัว หากต้องการต่อเข้ากับถุงน้ำ ก็แค่ถอดเอาด้านจุกยาง UQC สีดำออก แล้วต่อเข้ากับหลอดจากถุงน้ำได้เลย จะแขวนทำ Gravity Filter ก็ทำได้ครับ ซึ่งอาจต้องใช้เวลาในการรอ ให้น้ำจากด้านถุง “สกปรก” ไหลเข้าไปในถุง “สะอาด” อยู่บ้าง แต่ไม่เกินครึ่งชั่วโมง เราก็จะได้น้ำสะอาดราว 1 ลิตร ที่ปลอดภัยพอจะดื่มได้แล้วละครับ แนะนำว่าในการใช้งาน ให้ใช้ปากกาเมจิกเขียนให้ชัดเจนที่ถุงด้าน สกปรกว่า “ห้ามดื่ม น้ำสกปรก” ไว้ด้วยนะครับ จะได้ไม่สับสนว่า ทางไหนดื่มได้ ดื่มไม่ได้  เห็นไหมครับแค่มีเพียง Frontier Pro กับขวดน้ำสองใบ เราก็ทำระบบกรองน้ำฉุกเฉินราคาประหยัดได้แล้วครับ

2. ปริมาณการกรองที่มากกว่า

ประสิทธิภาพการกรองในแง่ของความปลอดภัย ทั้ง Frontier และ Frontier Pro นั้นแทบไม่ต่างกัน ทั้งคู่สามารถดักจับโปรโตซัว, แบคทีเรีย และสารแขวนลอยอื่นๆ ที่มีขนาดไม่เล็กกว่า 0.2 ไมครอนได้ ดังนั้นคงมีแต่ไวรัสบางชนิดเท่านั้น ที่อาจหลุดรอดผ่านไส้กรองไปได้ แต่หากพูดถึงปริมาณการใช้งาน หรือจำนวนน้ำที่กรองได้แล้วนั้น ต่างกันอยู่ลิบลับครับ Frontier นั้นใช้งานได้สูงสุด 75 ลิตร ส่วน Frontier Pro ใช้ได้มากถึง 190 ลิตร ต่อไส้กรอง แล้วในเซ็ตมีแถมมาให้ อีก 3 ไส้กรอง รวมๆแล้วสามารถใช้กรอง น้ำสะอาดได้มากถึง 760 ลิตรทีเดียวครับ

3. รับรองการใช้และพิสูจน์การใช้งานจากกองทัพสหรัฐฯ

เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ที่ผลิตภัณฑ์ Mcnett ได้ถูกทดสอบและใช้งานในกองทัพสหรัฐ ที่ปฏิบัติงานอยู่กระจายกันไปทั่วโลก ตั้งแต่หนาวสุดๆอย่างอลาสก้า ไปจนร้อนสุดๆในอีรัค หรือหนาวๆร้อนๆแบบในอัฟกานิสถาน และ Frontier Pro เองก็ตามติดตัวทหารเหล่านั้นไปทุกที่ครับ อีกทั้งมันยังถูกเลือกให้เป็น 1 ในชุดยังชีพฉุกเฉินของนักเดินป่า และนักท่องเที่ยวผจญภัยทั้งหลายด้วย ฉะนั้นจึงไม่ต้องกังวลเลยเรื่องความน่าเชื่อถือและความทนทานครับ

แต่ก็ใช่ว่าเจ้า Frontier นั้นจะไม่ดีนะครับ ข้อได้เปรียบของมันก็คือ ขนาดที่เล็กและเบากว่า เหมาะกับการใช้เป็นเครื่องกรองฉุกเฉินประจำบุคคล หรือสำรองเมื่อ ตัวกรองหลักไม่สามารถใช้งานได้ คุณสามารถพกไว้ในชุดกระเป๋ายังชีพ และติดตัวเวลาไปเข้าป่า หรือหยิบติดตัว ในช่วงที่เริ่มมีการประกาศเตือนภัยน้ำหลาก, แผ่นดินไหว หรือภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งผมอยากจะแนะนำให้ใช้ เม็ดฆ่าเชื้อเพื่อทำน้ำดื่ม Aquamira Water Purification Tablet ไว้ด้วยครับ ในกรณีที่น้ำมีความสกปรกมากๆ หรือเราสงสัยว่าแหล่งน้ำที่ใช้ไม่ปลอดภัย ก่อนที่จะทำการกรองด้วย Frontier หรือ Frontier Pro ครับ

Aquamira Water Purification Tablet นั้นใช้งานง่ายมากครับ ใส่เพียง 1 เม็ดต่อ น้ำ 1 ลิตร รอให้ละลาย แล้วเขย่าให้เข้ากัน จากนั้นตั้งทิ้งไว้ราว 15-30 นาที ในน้ำอุณหภูมิปกติ หากอากาศเย็นจัดให้รอนานกว่านั้นครับ แต่ไม่เกิน 1 ชม. ไม่ว่าจะไวรัส แบคทีเรีย โปรโตซัว พยาธิต่างๆ จะตายหมด ด้วยปฏิกริยาของคลอรีนไดออกไซด์ ที่ไม่เป็นพิษตกค้างต่อร่างกายมนุษย์ และไม่มีกลิ่นหรือรสไม่พึงประสงค์ เหมือนการใช้ไอโอดีนครับ สามารถใช้ดื่มได้ติดต่อกัน หลายวันโดยไม่เกิดผลข้างเคียงใดๆ ใน 1 แผงนั้นจะบรรจุ 10 เม็ด สามารถบำบัดน้ำได้ถึง 10 ลิตร คิดเป็นปริมาณน้ำที่ต้องการสำหรับผู้ใหญ่ 1 คนนานถึง 5 วัน (ปริมาณที่แนะนำในภาวะปรกติคือ 2.5 ลิตรต่อวัน หากไม่ออกกำลังกายหนักครับ) ดังนั้น 1 แผง จึงเหมาะสำหรับใช้กับชุดยังชีพ 72 ชม. ของคุณแล้วครับ

สอบถามและเป็นเจ้าของหลอดกรองน้ำ Frontier Pro และ Frontier ได้แล้ววันนี้ที่ Safe House และหากคุณมีข้อสงสัยเรื่องของอุปกรณ์ยังชีพ แวะมาคุยกับเราสิครับ

Tags: , , ,

Water Purification – ทำน้ำดื่ม ให้ปลอดภัย

การทำให้น้ำดื่มสะอาดถูกสุขลักษณะ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกาย มีัความสมดุลและแข็งแรง ในน้ำทั่วไปมีสิ่งมีชีวิตที่อาจนำโรคภัยมาสู่เรา ซึ่งสิ่งมีชีวิต 3 อย่างที่มักมากับน้ำ ที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ คือ 1.โปรโตซัว 2.แบคทีเรีย 3.ไวรัส วิธีทำให้น้ำสะอาดปลอดภัยจากสิ่งเหล่านี้ ทำได้หลายวิธี เราจะมาพูดถึงวิธีที่น่าจะเป็นประโยชน์และทำได้ง่าย

วิธีที่เห็นได้บ่อยที่สุดของการทำให้น้ำสะอาด ได้แก่ การต้มน้ำ คุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่าการต้มน้ำให้สามารถดื่มได้ ต้องต้มนานราวๆ 5-10 นาที ซึ่งไม่จำเป็นเสมอไป เพราะโดยทฤษฎีแล้ว น้ำจะเดือดที่อุณภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งเราทุกคนทราบดี แต่ในความเป็นจริง หากคุณเพียงต้องการกำจัดโปรโตซัวในน้ำ เมื่ออุณภูมิน้ำขึ้นสูงถึง 50 องศาเซลเซียส โปรโตซัวเกือบทุกประเภทก็จะตาย หากต้องการกำจัดให้มั่นใจ โดยยังคงต้มน้ำต่อไปให้น้ำมีอุณภูมิขึ้นถึง 100 องศาเซลเซียส ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 นาที เมื่อคุณเริ่มเห็นน้ำเดือด คุณก็สามารถปิดไฟและรอให้น้ำเย็น น้ำก็จะสะอาดพร้อมดื่ม และปราศจากโปรโตซัวแล้ว ไม่ต้องปล่อยให้น้ำเดือด พลุ่งพล่านเป็นเวลานาน เพราะจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น

คลอรีน ก็เป็นอีกวิธีที่พบบ่อยในการทำความสะอาดน้ำ วีธีการคือในกรณีที่มีสารอินทรีย์ในน้ำ สารคลอรีนจะทำหน้าที่ เหมือนเกราะครอบสิ่งมีชีวิตนั้นไว้ ทำให้มันไม่มีฤทธิ์ต่อผู้ที่สัมผัส หรือดื่มมันเข้าไป แต่จุดอ่อนของคลอรีน คือ ไม่สามารถกำจัดสารหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในน้ำได้ เช่น เมล็ดของพืช, สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ฯลฯ คลอรีนจึงไม่นิยมใช้ในกระบวนการทำให้น้ำสะอาด สำหรับงานภาคสนาม

ไอโอดีน เราจะพบเห็นได้บ่อย และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าคลอรีน ไอโอดีนจะทำให้น้ำสะอาด แต่น่าเสียดายที่ไอโอดีนไม่สามารถฆ่าโปรโตซัว Cryptosporidium ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในประเทศไทย (Cryptosporidium จะไม่ออกฤทธิ์ทันทีทันใดต่อร่างกาย แต่จะออกฤทธิ์ประมาณ 4 วัน หลังจากที่ดื่มเข้าไป ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง และออกฤทธิ์อยู่นาน 10 วัน) ไอโอดีนเหมาะที่จะใช้กับน้ำที่มีลักษณะใส ถ้าน้ำที่ขุ่นและมีสิ่งสกปรกปะปนอยู่ในน้ำ ต้องกรองด้วยผ้าก่อน (ในกรณีที่อยู่ในป่า สามารถใช้เสื้อผ้ากรองได้) แล้วจึงใส่ไอโอดีนในอัตราส่วน 4 หยดต่อน้ำหนึ่งลิตร และสามารถเพิ่มจำนวนได้ถึง 8 หยด ในกรณีที่น้ำขุ่นหรือค่อนข้างสกปรก และทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนที่จะดื่ม แต่ไอโอดีนมีกลิ่นฉุน ปัญหาเรื่องกลิ่นของไอโอดีนในน้ำ แก้ได้โดยคุณสามารถใส่วิตามิน C เม็ด ลงในน้ำหลังจากหยดไอโอดีนแล้ว 30 นาที เพื่อช่วยกลบรสชาติของไอโอดีนลง (ข้อควรระวัง! อย่าใส่วิตามิน C ลงในน้ำก่อน 30 นาที เพราะอาจทำให้ไอโอดีนออกฤทธิ์ไม่เต็มที่) การใช้ไอโอดีน เป็นการทำให้น้ำสะอาดปลอดภัย แต่ก็มีข้อจำกัด คือ คนที่เป็นโรคไทรอยด์ หรือคนที่แพ้สารไอโอดีน และหญิงมีครรภ์ ไม่ควรดื่มน้ำที่ใส่ไอโอดีน และที่สำคัญที่สุด คือ ไอโอดีนไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าโปรโตซัว Cryptosporidium ในน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง

สารที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคที่นิยมนำมาใช้ในการทำให้น้ำสะอาด คือ คลอรีนไดออกไซด์ สารนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ในการประปาของเมืองต่างๆ คลอรีนไดออกไซด์ จะทำหน้าที่ 2 อย่างคือ 1.เพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ และ 2. ฆ่าเชื้อโรคสิ่งสกปรกที่มากับน้ำ เช่น ไวรัส, แบคทีเรีย และโปรโตซัว รวมไปถึงโปรโตซัว Cryptosporidium จึงเป็นวิธีที่นิยมที่สุด สำหรับการทำน้ำให้สะอาดพร้อมดื่มโดยเฉพาะในงานภาคสนาม

คลอรีนไดออกไซด์ ที่ใช้กันมีหลากหลายรูปแบบและขนาด ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ แต่ที่นิยมใช้ในงานภาคสนามเป็นประเภท คลอรีนไดออกไซด์ชนิดเม็ด Aquamira ของ McNett อัตราส่วนในการใช้งาน ได้แก่ 1 เม็ด ต่อน้ำ 1 ลิตร ในกรณีที่ใช้กับน้ำที่มีลักษณะใส อุณภูมิของน้ำอยู่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส เม็ด water purifier ของ Aquamira จะสามารถฆ่าแบคทีเรียและไวรัสทั้งหมดที่มากับน้ำ ภายใน 15 นาที และจะฆ่าโปรโตซัว รวมทั้งโปรโตซัว Cryptosporidium ได้ภายใน 30 นาที ซึ่งเหมาะจะพกพา และเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็น ของชุดอุปกรณ์ยังชีพ เมื่อคุณต้องทำงานในที่ห่างไกล หรือไม่มั่นใจในความสะอาดของน้ำดื่ม

ส่วนในกรณีของน้ำที่มีลักษณะค่อนข้างขุ่น และอุณภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ก็ต้องใช้เวลานานขึ้นก่อนที่จะสามารถดื่มได้ ในกรณีที่เป็นน้ำสกปรกและเย็นจัด อาจต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง เพื่อให้ออกฤทธิ์เต้มที่ อุปกรณ์ที่ใช้ทำให้น้ำสะอาดพร้อมดื่ม ที่นิยมอีกประเภทหนึ่งได้แก่ ชุดกรองน้ำดื่มชนิดพกพา โดยส่วนมากวิธีการทำงาน คือ ใช้ตัวกรอง กรองสิ่งสกปรกและโปรโตซัวที่มีขนาดใหญ่ โดยการกรองร่วมกับเคมีบางชนิด ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่มีขนาดเล็ก ในส่วนของอุปกรณ์กรองน้ำนี้ เราจะพูดถึงในบทความครั้งหน้า คอยติดตามอ่านนะครับ

เกร็ดความรู้ของแถมสำหรับการดื่มน้ำให้ปลอดภัย น้ำที่ใส่ไว้ในกระติก, ถุงน้ำ หรือขวดน้ำ อาจจะดูว่าสะอาดปลอดภัย และผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดีแล้ว แต่อย่ามองข้ามน้ำจำนวนไม่กี่หยด ที่เกาะอยู่ภายในฝาขวดหรือฝากระติกน้ำ ซึ่งน้ำจำนวนไม่กี่หยดนี้ ก็สามารถทำให้คุณ หมดสนุกกับการเดินทาง เพราะเกิดอาการท้องเสียเฉียบผลันขึ้นได้ วิธีการแก้ไข คือ คว่ำกระติกหรือขวดลง แล้วค่อยๆเปิดฝาขวดออกทีละนิด เพื่อไล่น้ำสกปรกออก เมื่อเสร็จแล้ว ก็สามารถดื่มน้ำได้อย่างสบายใจแล้วครับ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อตัวคุณเองครับ ใครสนใจ Aquamira ของ McNett และชุดกรองน้ำชนิดพกพา สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Safe House ครับ

Tags: , , ,