ผู้โชคดีรับรางวัลปฏิทิน Larue 2010

ขอแสดงความยินดีกับท่านสมาชิกผู้โชคดี 4 ท่าน ที่รับรางวัลปฏิทิน Larue 2010 จากการจับฉลากรายชื่อผู้สมัครสมาชิก ขอบคุณทุกท่านที่สนใจเข้าร่วมกิจกรรมกับเราเป็นอย่างดี เราจะจัดให้มีกิจกรรมกับสมาชิกอย่างต่อเนื่องต่อไปครับ

สำหรับกิจกรรมต่อไปติดตามได้ใน URBAN SURVIVAL ให้สมาชิกส่งเรื่องราว Survival จากโจทย์ที่กำหนด ผู้ที่สนใจโปรดสมัครสมาชิกและส่งผลงานได้ที่ contact us ได้แล้วตั้งแต่วันนี้ – 14 มิ.ย. นี้ครับ

Tags:

พิษภัยจากเสียงในพื้นที่รบ ต่อการสั่งการ

การสูญเสียการได้ยินจากเสียงปืน เป็นปัญหาความปลอดภัยที่ไม่ควรมองข้าม เพราะปัญหาจากการได้ยิน ที่เกิดจากเสียงปืนดังฉับพลัน กระทบกระเทือนประสาทการรับเสียง จากปัญหานี้สามารถพัฒนาไปเป็นอาการของโรคเสียงดังในหู(Tinnitus) เหมือนมีเสียงไมโครโฟนหวีดดังในศีรษะตลอดเวลา และจะยิ่งดังมากขึ้น เมื่อมีเสียงดังจากสภาพแวดล้อมรอบข้าง ยิ่งนานเข้าอาจถึงกับสูญเสียการได้ยินอย่างถาวรเลยทีเดียว

ทหารพราน ลาดตระเวนใน จ.ยะลา

ในทางทหารแล้ว ผลเสียจากเสียงดังที่ได้ยิน ส่งผลกระทบไปถึงความปลอดภัยที่สำคัญอื่นๆ ในการจัดกำลังสำหรับหน่วยปกติ หนึ่งหมวด มักจะมีเจ้าหน้าที่ 4-6 นาย ภายใต้การสั่งการของหัวหน้าชุด

บทเรียนของกองทัพสหรัฐฯ จากสงครามโลกครั้งที่ 2, สงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม ชี้ให้เห็นว่า เมื่อทีมมีขนาดใหญ่ขึ้น ผู้นำเพียงคนเดียวไม่สามารถสั่งการได้อย่างมีประสิทธิภาพ จากเหตุผลนี้เองส่งผลต่อการจัดกำลังของชุดปฏิบัติการเล็ก ให้มีจำนวนเจ้าหน้าที่เพียงไม่กี่นาย ในการฝึกหรือลาดตระเวน เพื่อให้ง่ายต่อการออกคำสั่งและควบคุมทหารกลุ่มเล็ก

US Navy SEALs ใช้ที่อุดหู Ear Plugs ลดเสียง

แต่ปัญหาจะเกิดขึ้น เมื่อเกิดการสู้รบจริงปฏิกิริยาในการตอบสนองต่อการสู้รบของทหาร คือ การกระจายกำลังกันออกไป ซึ่งจะเอื้อให้เกิดการขยายขนาด และประสิทธิผลในการทำงานให้มากยิ่งขึ้น ช่วยให้เกิดความปลอดภัยสูงขึ้น แต่การกระจายกำลังจะสร้างปัญหาและอุปสรรคในการควบคุมสั่งการ ยิ่งไปกว่านั้น การสูญเสียการได้ยินระยะสั้นจากเสียงปืนของเจ้าหน้าที่แต่ละนาย ก็ยิ่งทำให้การรับคำสั่ง ยิ่งกลายเป็นเรื่องยากลำบาก

ทำให้ผู้บังคับบัญชาต้องเลือก ระหว่างอำนาจการสั่งการ และความปลอดภัยของทหารทุกคน ซึ่งในสภาวการณ์รบ คุณต้องใช้ทั้งประสาทหูและตาเพื่อรักษาชีวิต แต่หากประสาทสัมผัสด้านการรับฟังเกิดปัญหาเสียแล้ว สัมผัสที่ยังเหลือและพึ่งพาได้คือ การใช้ตามองเพียงอย่างเดียว หากการรบยืดเยื้อออกไปจนค่ำ ก็ยิ่งเสี่ยงต่อความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

USAF Pararescue ใช้ Peltor Comtac ป้องกันเสียง

เมื่อการยิงต่อสู้หยุดลง สิ่งต่อไปที่ต้องระวัง คือ ข้าศึกที่กำลังหลบหนี หรือการกลับมาสอดแนมตำแหน่งที่ตั้งของหน่วยคุณ ในขณะที่หูของคุณซึ่งรับฟังเสียงกระสุน มาตลอดการปะทะจะลดประสิทธิภาพลง เกิดข้อจำกัดเพียงการใช้สายตา สอดส่อง, สังเกตุ, มองหา และควบคุมพื้นที่ เพื่อระวังความปลอดภัยของตนเท่านั้น ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการสั่งการของหัวหน้าชุด และการควบคุมการทำงานของหน่วย

ในสภาพแวดล้อมแบบป่าภูเขา จะเกิดอุปสรรคจากสภาพภูมิประเทศ สำหรับการรบในเมือง ที่มีทั้งตึกสูงและเหลี่ยมมุมของอาคาร ทัศนวิสัยในการมองเห็น ก็ยิ่งถูกจำกัดมากยิ่งขึ้น ถ้าต้องรบในเวลากลางคืนด้วยแล้ว การควบคุมสั่งการ ก็ยิ่งจะทำได้ยาก หากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ไม่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี ความเสี่ยงต่ออันตรายก็ยิ่งมีสูงขึ้น

US NAVY SEALS ใช้ Earplugs ช่วยลดเสียง

การแก้ปัญหาทางหนึ่ง คือการหาเครื่องช่วยและป้องกันการได้ยิน เช่น ที่อุดหูลดเสียง รุ่น Combat Arms Earplugs สามารถเลือกสวมได้สองทาง จะช่วยให้ผู้สวมใส่ยังคงได้ยินเสียงสนทนา ในขณะที่ช่วยตัดเสียงสูงและดังกระทันหันของเสียงปืนและระเบิดได้ดีกว่าที่อุดหูทั่วไป ส่วนชุดหูฟังที่มีคุรสมบัติมากขึ้น เช่น Peltor Comtac XS ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการช่วยขยายและลดเสียง จากสภาพแวดล้อมรอบตัวผู้ใช้งาน ช่วยขยายเสียงรอบข้างได้ชัดเจนกว่าปกติ และลดเสียงที่ดังอย่างกระทันหัน เพื่อปลอดภัยต่อการได้ยิน Peltor Comtac XS ยังสามารถใช้งานร่วมกับชุดวิทยุสื่อสาร สามารถนำวิทยุสื่อสารต่อตรงเข้ากับชุดหูฟังได้ เพื่อการสื่อสารเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสารและการสั่งการให้ดียิ่งขึ้นในระหว่างการรบ Peltor Comtac XS ออกแบบให้สามารถใส่ได้กระชับกับหมวกกันกระสุน แตกต่างจากชุดหูฟังที่ใช้ในงานอุตสาหกรรม

พิษภัยจากเสียง ป้องกันได้ด้วยอุปกรณ์ป้องกัน การป้องกันเสียง มีความสำคัญไม่เฉพาะต่อสุขภาพของกำลังพลเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการจบภารกิจให้สำเร็จลุล่วง และช่วยเพิ่มความปลอดภัย เช่นเดียวกับอุปกรณ์ป้องกันภัยอื่นๆ ที่จะส่งผลดีก็ต่อเมื่อ คุณมีอุปกรณ์ดังกล่าว และผู้ใช้เข้าใจการใช้งานอย่างถูกต้อง ช่วยให้ใช้งานอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

อุปกรณ์ป้องกันเสียงของ Peltor รวมถึง Combat Arms Earplugs และ Peltor Comtac มีจำหน่ายแล้วที่ Safehouse

Tags: ,

Junglas Machete – จังกลาสมาเชติ ล่าสุดจาก ESEE

ต้นปี 2010 ESEE ประกาศจะออกมีด Machete รุ่นล่าสุดออกวางตลาด บรรดาแฟนพันธุ์แท้ Machete ต่างถามหาและรอคอย Machete เป็นมีดยังชีพชนิดใบตาย ใบมีดยาว ลับให้คมได้ง่าย ใช้ตัดและถางหญ้า หรือต้นไม้ได้อเนกประสงค์ เหมาะสำหรับประจำบ้าน หรือคู่ใจนักเดินทางและนักผจญภัย ด้วยคุณสมบัติการเป็นมีดใช้งานคุณภาพสูง ESEE Junglas Machete จึงเป็นมีดที่แนะนำให้คนรักมีด มีไว้ใช้หรือเก็บกันอีกเล่ม เปิดให้สั่งจองได้แล้วก่อนใครวันนี้ รับสินค้าไม่เกิน 31 พ.ค. นี้ครับ

คุณสมบัติเฉพาะ :

  • ความยาวโดยรวม 16.5 นิ้ว
  • ความยาวเฉพาะด้าม 5.88 นิ้ว
  • ความหนาของใบมีด 3/16 นิ้ว
  • น้ำหนักเฉพาะมีด 638 กรัม
  • น้ำหนักมีดรวมปลอก 935 กรัม
  • ใบมีดทำจากเหล็ก 1095 Steel ทนทาน ลับให้คมได้ง่าย
  • คมมีดแบบ High Sabre Blade Grind
  • เคลือบใบมีดด้วย Black Textured Powder Coat สีดำ
  • ปลายด้ามจับ ใช้ตอกได้เหมือนค้อน
  • ด้ามจับทำจาก ไมคาต้า (Micarta) ผิวจับแบบ canvas
  • มีดแต่ละอันมี Serial number กำกับที่ปลายด้าม
  • ปลอกมีดทำจาก Kydex และคอร์ดูร่าไนลอน ทนทานต่อการใช้งานหนัก
  • ผลิตในประเทศสหรัฐอเมริกา

ESEE Junglas Machete มีวางจำหน่ายแล้วที่ Safehouse


Tags:

ซองแมกคู่ Double 5.56mm Mag Shingle ใหม่จาก Tactical Tailor

Tactical Tailor มีซองผ้าใส่แมกกาซีน 5.56 mm. ชนิดแมกเดี่ยวและซอง 3 แมกวางตลาดมานาน ซึ่งโดยมากแมกกาซีนที่ใส่ได้หลายแมกจะค่อนข้างหนาเทอะทะ ซึ่งจะเป็นการยากในการนอนยิงปืนนอนราบไปกับพื้น ดังนั้น Tactical Tailor จึงออกแบบให้ซองแมกกาซีนมีความบาง และแนบชิดกับลำตัวมากที่สุด ที่ผ่านมาเราได้รับคำถามมาตลอดว่า ทำไมไม่ทำซองใส่ 2 แมกออกวางจำหน่าย วันนี้ Tactical Tailor มีออกมาใหม่แล้วครับ

ซอง 2 แมกรุ่นใหม่นี้ พัฒนามาจากซอง 3 แมกรุ่นเดิม โดยที่รุ่นใหม่นี้จะใส่แมกกาซีนได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม หากบริเวณหน้าซองไม่เกาะเกี่ยวกระเป๋าอื่นๆ ก็จะใส่และถอดแมกกาซีนได้อย่างไม่ติดขัด

มีสีน้ำตาล และ Multicam วางจำหน่ายแล้วที่ Safehouse

Tags:

Water Purification – ทำน้ำดื่ม ให้ปลอดภัย

การทำให้น้ำดื่มสะอาดถูกสุขลักษณะ เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ร่างกาย มีัความสมดุลและแข็งแรง ในน้ำทั่วไปมีสิ่งมีชีวิตที่อาจนำโรคภัยมาสู่เรา ซึ่งสิ่งมีชีวิต 3 อย่างที่มักมากับน้ำ ที่เราต้องระวังเป็นพิเศษ คือ 1.โปรโตซัว 2.แบคทีเรีย 3.ไวรัส วิธีทำให้น้ำสะอาดปลอดภัยจากสิ่งเหล่านี้ ทำได้หลายวิธี เราจะมาพูดถึงวิธีที่น่าจะเป็นประโยชน์และทำได้ง่าย

วิธีที่เห็นได้บ่อยที่สุดของการทำให้น้ำสะอาด ได้แก่ การต้มน้ำ คุณอาจจะเคยได้ยินมาบ้างว่าการต้มน้ำให้สามารถดื่มได้ ต้องต้มนานราวๆ 5-10 นาที ซึ่งไม่จำเป็นเสมอไป เพราะโดยทฤษฎีแล้ว น้ำจะเดือดที่อุณภูมิ 100 องศาเซลเซียส ซึ่งเราทุกคนทราบดี แต่ในความเป็นจริง หากคุณเพียงต้องการกำจัดโปรโตซัวในน้ำ เมื่ออุณภูมิน้ำขึ้นสูงถึง 50 องศาเซลเซียส โปรโตซัวเกือบทุกประเภทก็จะตาย หากต้องการกำจัดให้มั่นใจ โดยยังคงต้มน้ำต่อไปให้น้ำมีอุณภูมิขึ้นถึง 100 องศาเซลเซียส ซึ่งจะใช้เวลาอีกประมาณ 3-4 นาที เมื่อคุณเริ่มเห็นน้ำเดือด คุณก็สามารถปิดไฟและรอให้น้ำเย็น น้ำก็จะสะอาดพร้อมดื่ม และปราศจากโปรโตซัวแล้ว ไม่ต้องปล่อยให้น้ำเดือด พลุ่งพล่านเป็นเวลานาน เพราะจะเป็นการสิ้นเปลืองพลังงานโดยไม่จำเป็น

คลอรีน ก็เป็นอีกวิธีที่พบบ่อยในการทำความสะอาดน้ำ วีธีการคือในกรณีที่มีสารอินทรีย์ในน้ำ สารคลอรีนจะทำหน้าที่ เหมือนเกราะครอบสิ่งมีชีวิตนั้นไว้ ทำให้มันไม่มีฤทธิ์ต่อผู้ที่สัมผัส หรือดื่มมันเข้าไป แต่จุดอ่อนของคลอรีน คือ ไม่สามารถกำจัดสารหรือสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่ในน้ำได้ เช่น เมล็ดของพืช, สิ่งมีชีวิตเล็กๆ ฯลฯ คลอรีนจึงไม่นิยมใช้ในกระบวนการทำให้น้ำสะอาด สำหรับงานภาคสนาม

ไอโอดีน เราจะพบเห็นได้บ่อย และเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกว่าคลอรีน ไอโอดีนจะทำให้น้ำสะอาด แต่น่าเสียดายที่ไอโอดีนไม่สามารถฆ่าโปรโตซัว Cryptosporidium ซึ่งเป็นปัญหาที่พบมากในประเทศไทย (Cryptosporidium จะไม่ออกฤทธิ์ทันทีทันใดต่อร่างกาย แต่จะออกฤทธิ์ประมาณ 4 วัน หลังจากที่ดื่มเข้าไป ส่งผลให้เกิดอาการท้องเสียอย่างรุนแรง และออกฤทธิ์อยู่นาน 10 วัน) ไอโอดีนเหมาะที่จะใช้กับน้ำที่มีลักษณะใส ถ้าน้ำที่ขุ่นและมีสิ่งสกปรกปะปนอยู่ในน้ำ ต้องกรองด้วยผ้าก่อน (ในกรณีที่อยู่ในป่า สามารถใช้เสื้อผ้ากรองได้) แล้วจึงใส่ไอโอดีนในอัตราส่วน 4 หยดต่อน้ำหนึ่งลิตร และสามารถเพิ่มจำนวนได้ถึง 8 หยด ในกรณีที่น้ำขุ่นหรือค่อนข้างสกปรก และทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาทีก่อนที่จะดื่ม แต่ไอโอดีนมีกลิ่นฉุน ปัญหาเรื่องกลิ่นของไอโอดีนในน้ำ แก้ได้โดยคุณสามารถใส่วิตามิน C เม็ด ลงในน้ำหลังจากหยดไอโอดีนแล้ว 30 นาที เพื่อช่วยกลบรสชาติของไอโอดีนลง (ข้อควรระวัง! อย่าใส่วิตามิน C ลงในน้ำก่อน 30 นาที เพราะอาจทำให้ไอโอดีนออกฤทธิ์ไม่เต็มที่) การใช้ไอโอดีน เป็นการทำให้น้ำสะอาดปลอดภัย แต่ก็มีข้อจำกัด คือ คนที่เป็นโรคไทรอยด์ หรือคนที่แพ้สารไอโอดีน และหญิงมีครรภ์ ไม่ควรดื่มน้ำที่ใส่ไอโอดีน และที่สำคัญที่สุด คือ ไอโอดีนไม่มีฤทธิ์ในการฆ่าโปรโตซัว Cryptosporidium ในน้ำ ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคท้องร่วง

สารที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคที่นิยมนำมาใช้ในการทำให้น้ำสะอาด คือ คลอรีนไดออกไซด์ สารนี้ถูกใช้อย่างแพร่หลายทั่วโลก ในการประปาของเมืองต่างๆ คลอรีนไดออกไซด์ จะทำหน้าที่ 2 อย่างคือ 1.เพิ่มปริมาณออกซิเจนในน้ำ และ 2. ฆ่าเชื้อโรคสิ่งสกปรกที่มากับน้ำ เช่น ไวรัส, แบคทีเรีย และโปรโตซัว รวมไปถึงโปรโตซัว Cryptosporidium จึงเป็นวิธีที่นิยมที่สุด สำหรับการทำน้ำให้สะอาดพร้อมดื่มโดยเฉพาะในงานภาคสนาม

คลอรีนไดออกไซด์ ที่ใช้กันมีหลากหลายรูปแบบและขนาด ขึ้นอยู่กับปริมาณที่ใช้ แต่ที่นิยมใช้ในงานภาคสนามเป็นประเภท คลอรีนไดออกไซด์ชนิดเม็ด Aquamira ของ McNett อัตราส่วนในการใช้งาน ได้แก่ 1 เม็ด ต่อน้ำ 1 ลิตร ในกรณีที่ใช้กับน้ำที่มีลักษณะใส อุณภูมิของน้ำอยู่ประมาณ 20 องศาเซลเซียส เม็ด water purifier ของ Aquamira จะสามารถฆ่าแบคทีเรียและไวรัสทั้งหมดที่มากับน้ำ ภายใน 15 นาที และจะฆ่าโปรโตซัว รวมทั้งโปรโตซัว Cryptosporidium ได้ภายใน 30 นาที ซึ่งเหมาะจะพกพา และเป็นหนึ่งในสิ่งจำเป็น ของชุดอุปกรณ์ยังชีพ เมื่อคุณต้องทำงานในที่ห่างไกล หรือไม่มั่นใจในความสะอาดของน้ำดื่ม

ส่วนในกรณีของน้ำที่มีลักษณะค่อนข้างขุ่น และอุณภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ก็ต้องใช้เวลานานขึ้นก่อนที่จะสามารถดื่มได้ ในกรณีที่เป็นน้ำสกปรกและเย็นจัด อาจต้องใช้เวลาถึง 4 ชั่วโมง เพื่อให้ออกฤทธิ์เต้มที่ อุปกรณ์ที่ใช้ทำให้น้ำสะอาดพร้อมดื่ม ที่นิยมอีกประเภทหนึ่งได้แก่ ชุดกรองน้ำดื่มชนิดพกพา โดยส่วนมากวิธีการทำงาน คือ ใช้ตัวกรอง กรองสิ่งสกปรกและโปรโตซัวที่มีขนาดใหญ่ โดยการกรองร่วมกับเคมีบางชนิด ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่มีขนาดเล็ก ในส่วนของอุปกรณ์กรองน้ำนี้ เราจะพูดถึงในบทความครั้งหน้า คอยติดตามอ่านนะครับ

เกร็ดความรู้ของแถมสำหรับการดื่มน้ำให้ปลอดภัย น้ำที่ใส่ไว้ในกระติก, ถุงน้ำ หรือขวดน้ำ อาจจะดูว่าสะอาดปลอดภัย และผ่านการฆ่าเชื้อมาอย่างดีแล้ว แต่อย่ามองข้ามน้ำจำนวนไม่กี่หยด ที่เกาะอยู่ภายในฝาขวดหรือฝากระติกน้ำ ซึ่งน้ำจำนวนไม่กี่หยดนี้ ก็สามารถทำให้คุณ หมดสนุกกับการเดินทาง เพราะเกิดอาการท้องเสียเฉียบผลันขึ้นได้ วิธีการแก้ไข คือ คว่ำกระติกหรือขวดลง แล้วค่อยๆเปิดฝาขวดออกทีละนิด เพื่อไล่น้ำสกปรกออก เมื่อเสร็จแล้ว ก็สามารถดื่มน้ำได้อย่างสบายใจแล้วครับ การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นเลือกสิ่งที่ดีที่สุด เพื่อตัวคุณเองครับ ใครสนใจ Aquamira ของ McNett และชุดกรองน้ำชนิดพกพา สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ Safe House ครับ

Tags: , , ,

Combat Arms Earplugs – ที่อุดหู 2 ประสิทธิภาพ

ที่อุดหู เป็นอุปกรณ์ลดเสียง ซึ่งทำงานโดยลดเสียงลงในระดับที่ หูคนเราสามารถได้ยินเสียงแวดล้อม โดยไม่กระทบกระเทือนต่อประสาทรับฟัง ในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงดัง สามารถแยกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ 1.เสียงที่ดังอย่างต่อเนื่อง (Constant noise) เช่น เสียงจากยานพาหนะ, หรือเสียงจากเครื่องยนต์อากาศยาน ฯ ในสภาพแวดล้อมที่เสียงดังเช่นนี้ ที่อุดหูมีความจำเป็นอย่างมาก นอกจากช่วยในการลดเสียงแล้ว ยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสาร เนื่องจากในสภาพเสียงดัง เราจะต้องเพิ่มเสียงในการพูด ให้ดังกว่าเสียงแวดล้อม ที่อุดหูซึ่งช่วยตัดเสียงรบกวน จึงช่วยให้ได้ยินสิ่งที่พูดได้ดียิ่งขึ้น 2.เสียงที่ดังขึ้นทันทีทันใด (Impulse noise) เช่น เสียงจากการยิงปืน หรือเสียงระเบิด ฯ เป็นเสียงที่แหลมและดังอยู่ชั่วขณะ ซึ่งสามารถทำลายการได้ยินได้ในทันที หากเสียงดังกล่าวมีความดังเกินขีดความปลอดภัย

ในการจะใส่หรือถอดที่อุดหูนั้น จำเป็นต้องพิจารณาถึงสภาพแวดล้อมในขณะนั้นๆว่า คุณอยู่ในสภาพเสียงแวดล้อมแบบไหน ในสภาพการณ์รบ หรือในระหว่างจราจล แม้เสียงอาจเงียบลงชั่วขณะ คุณต้องการถอดอุปกรณ์ลดเสียงออก แต่แล้วก็มีเสียงระเบิดเกิดขึ้นทันทีทันใด ซึ่งอาจทำให้แก้วหูคุณถูกทำลายอย่างถาวรทันที แก้วหูเป็นเพียงเยื่อบางๆ ที่ไม่สามารถหาสิ่งใดมาทดแทน ดังนั้นการป้องกันและถนอมการได้ยินไปนานๆ เป็นสิ่งสำคัญและไม่ควรมองข้าม หากคุณยังคิดเพียงว่า อุปกรณ์ลดเสียงจะปิดกั้นการสื่อสาร, สร้างความรำคาญ หรือเป็นอุปกรณ์ฟุ่มเฟือย ลองคิดใหม่อีกครั้ง

เสียงที่ดังเกิน 85 db. (เดซิเบล) สามารถทำลายการได้ยินอย่างถาวร US OSHA (หน่วยงานด้านความปลอดภัยในการทำงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐอเมริกา) มีมาตรฐานกำหนดความปลอดภัย ในการใช้งานอุปกรณ์ลดเสียง ขึ้นอยู่กับระยะเวลาและความดังของเสียงที่ได้ยิน เช่น เสียงที่ดัง 90 db.(จากการจราจรคับคั่ง) 8 ชั่วโมงต่อวัน โดยไม่เสี่ยงต่อการสูญเสียการได้ยินอย่างถาวร ไม่จำเป็นต้องใส่ที่อุดหู , เสียงที่ดัง 100 db (เทียบได้กับเสียงรถแทรกเตอร์) หากเกินกว่า 2 ชม. จำเป็นต้องใส่ที่อุดหู, เสียงที่ดัง 115 db. เป็นระดับเสียงที่ดังที่สุด หากดังกว่านี้ แม้ว่าจะได้ยินเสียงระยะสั้น จำเป็นต้องใส่ที่อุดหูทุกกรณี ซึ่งเสียงปืนทั่วไปโดยเฉลี่ยแล้ว ดังประมาณ 160 db. ดังนั้นผู้ยิงปืน หรือผู้อยู่แวดล้อมการยิงปืน ควรจะใส่อุปกรณ์ลดเสียง

อันตรายของเสียงต่อการได้ยิน คือ เมื่อหูของคุณเคยเกิดปัญหาแล้ว แม้การได้ยินที่เสียไปเพียง 1% จะไม่สามารถกลับมาปกติได้ดังเดิม ซึ่งคุณอาจจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกตินั้นในปัจจุบัน เมื่ออายุมากขึ้น แก้วหูลดสมรรถภาพลง การได้ยินของคุณจะแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด หากคุณยังไม่ช่วยป้องกันแต่เนิ่นๆ คุณจะกลายเป็นคนแก่หูตึงในที่สุด ดังนั้นป้องกันความเสียหาย เพื่อตัวท่านเองในวันนี้

ที่อุดหู Combat Arms ถูกออกแบบมาเพื่อลดเสียง ทั้งแบบเสียงดังต่อเนื่อง contant noise และเสียงที่ดังขึ้นทันทีทันใด impulse noise โดยที่อุดหูฝั่งสีเขียวเข้ม ซึ่งไม่มีรูรับเสียง จะช่วยลดเสียงดังต่อเนื่องได้ 22db (ทดสอบตามมาตรฐาน ANSI S3.19-1974) จากเสียงของยานพาหนะ หรือเครื่องยนต์อากาศยาน ส่วนที่อุดหูฝั่งสีเหลือง ใช้หลักการฟิสิกส์ในการลดเสียงความถี่สูงที่เกิดขึ้นทันทีทันใด โดยเสียงเดินทางผ่านรูเพื่อไปกระทบแก้วหู เสียงสูงจึงถูกลดทอนลงไป ซึ่งจะช่วยให้ได้ยินเสียงความถี่ปกติ หรือเสียงเบา เช่น เสียงพูด เสียงเดิน เสียงก้าวเท้าเข้ามาใกล้ โดยจะลดเสียงที่ดังฉับพลัน เช่น เสียงปืน เสียงระเบิด

เมื่อทราบคุณสมบัติแล้ว จึงควรสวมใส่ให้ถูกด้าน เพื่อช่วยลดเสียงดังจากสภาพแวดล้อม ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เมื่อสวมอย่างนิ่มนวลในตำแหน่งที่เหมาะสม ไม่แน่นหรือหลวมจนเกินไป สังเกตุได้จากความรู้สึกแน่นกระชับพอดี ในขณะสวมใส่ให้ฟังเสียงพูดของตนเอง เมื่อมีเสียงที่ได้ยินเบาลง แสดงว่าใส่ได้ถูกต้อง

การทำความสะอาด ควรใช้น้ำและสบู่ล้างที่อุดหู และผึ่งลมให้แห้งก่อนเก็บใส่กล่อง ในขณะทำความสะอาด สังเกตุรูบริเวณด้านสีเหลือง ว่ามีสิ่งอุดตันหรือไม่ หากมีสิ่งสกปรกติดหรืออุดรูดังกล่าว  ก็ควรจะเขี่ยหรือนำออก ก่อนการเก็บเพื่อใช้งานได้ทันที มาพร้อมกับสายคล้องโลหะสีดำ และกล่องเก็บสีเหลืองอมเขียว ล็อคแน่นสวยงาม

Combat Arms Earplugs มีวางจำหน่ายแล้วที่ Safehouse

ข้อดีของ Combat Arms Earplugs :

  • เลือกใช้งานได้ 2 แบบ
  • ประหยัดกว่าชนิดใช้แล้วทิ้ง
  • สามารถนำกลับมาใช้ได้ใหม่
  • น้ำหนักเบา สะดวกพกพา ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่
  • คงรูป ไม่ต้องปั้นก่อนใช้งาน เหมือนที่อุดหูโฟม
  • มีกล่ิองเก็บและสายคล้อง ช่วยรักษาความสะอาด และจัดเก็บเป็นสัดส่วน

Tags: , , ,