Hydration – ขาดน้ำ ดอกนะเจ้า ชีวาวาย

น้ำถือเป็นจุดก่อกำเนิดของชีวิตบนโลกใบนี้ ถ้าปราศจากน้ำ โลกใบนี้ก็คงปราศจากชีวิต ร่างกายของมนุษย์มีน้ำเป็นส่วนประกอบถึง 60% โดยที่เลือดมีน้ำเป็นส่วนผสมอยู่ 85% น้ำมีหน้าที่สำคัญต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น ขับของเสียออกจากร่างกาย, ช่วยในการย่อยอาหาร และเป็นสารหล่อลื่นให้ข้อต่อต่างๆ หน้าที่สำคัญอีกอย่างที่ชัดเจนของน้ำต่อร่างกายเรา คือ น้ำช่วยควบคุมอุณภูมิในร่างกาย อย่างที่เราสังเกตได้ว่า เวลาร่างกายเกิดความร้อนจากการออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมใดๆก็ตาม ร่างกายจะขับความร้อนออกมาทางเหงื่อ เพื่อช่วยให้อุณภูมิภายในเหมาะสมอยู่ตลอดเวลา

เปรียบเทียบน้ำในร่างกายคนเราเหมือนน้ำมันเชื้อเพลิง ร่างกายจะใช้น้ำ และระบายน้ำทิ้ง เป็นปริมาณมากและรวดเร็ว ยกตัวอย่างเช่น ร่างกายคนสุขภาพปกติ 1 คน จะสูญเสียน้ำประมาณ 2 ถึง 3 ลิตร ต่อวัน 1/3 ของน้ำที่เสียไป มาจากการเข้าห้องน้ำ อีก 1/5 เราสูญเสียน้ำจากทุกครั้งที่เราหายใจ ส่วนที่เหลือจากการเสียเหงื่อ ในกรณีที่เราออกกำลังกายหนักๆ ร่างกายสูญเสียน้ำถึง 2 ลิตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว

ทหารที่ขาดน้ำอย่างรุนแรง ขณะถูกนำส่งเพื่อรักษาฉุกเฉิน

หาเราไม่ใส่ใจกับเรื่องของการสูญเสียน้ำ อาจทำให้เกิดความผิดปกติกับร่างกายได้ อาการของการสูญเสียน้ำระยะแรก จะสังเกตุได้ง่ายๆ เช่น ริมฝีปากแห้ง, ปัสสาวะเป็นสีเข้มกว่าปกติ และมีอาการกระหายน้ำ หากขาดน้ำขั้นรุนแรงอาจทำให้มีอาการเหนื่อยล้า, อาการงุนงงสับสน, คลื่นไส้อาเจียน, ช็อค และอาจอันตรายถึงชีวิต ถ้าไม่ได้รับการรักษาโดยทันที

คุณจะสังเกตได้อย่างไรว่า คุณมีอาการขาดน้ำ คำตอบคือ เกือบทุกคนจะมีอาการขาดน้ำระยะแรก  เนื่องจากคนส่วนใหญ่ ดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย สังเกตได้ง่ายๆ จากสีของปัสสาวะ ซึ่งปกติควรจะเป็นสีอ่อนและใส ให้สังเกตว่าถ้าสีเข้มขึ้น นั่นคืออาการเบื้องต้น หรือบางครั้งอาจมีอาการเวียนศีรษะ หรือเหนื่อยล้าร่วมด้วย

สำหรับในกรณีของทหาร อารการขาดน้ำระยะเบื้องต้น ก็อาจส่งผลถึงชีวิตได้ เนื่องจากการขาดน้ำ ทำให้การตอบสนองช้าลงกว่าปกติ และอาการผิดปกติในการสั่งงานของสมอง ทำให้เกิดความสับสน ผลจากการทดสอบกับสัตว์ในห้องทดลอง ทำให้รู้ว่าอาการขาดน้ำ ส่งผลให้อัตราการตายจากการได้รับบาดเจ็บสูงกว่าปกติถึง 30%

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น หากทหารที่มีอาการขาดน้ำ มีความเสี่ยงในการเสียชีวิต จากบาดแผลถูกยิงสูงกว่าทหารที่ดื่มน้ำเพียงพอถึง 30% อย่าคิดว่าการอดน้ำ เป็นการฝึกความอดทน ทำให้เราเป็นคนแข็งแกร่ง จริงๆแล้วเป็นความรู้เท่าไม่ถึงการ กองทัพพยายามแสวงหายุทโธปกรณ์ ที่มีอานุภาพสูง และราคาแพงให้กับทหาร ทำให้มองข้ามสิ่งสำคัญ และทำได้ง่ายที่สุดไปคือ การดื่มน้ำให้เพียงพอ

การรักษาที่ดีที่สุด คือ การป้องกันไม่เกิดปัญหาขึ้น เริ่มด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ กับที่ร่างกายสูญเสียไป  เราสามารถเริ่มด้วยการดื่มน้ำอย่างน้อย ½ ลิตร ตอนตื่นนอน เพื่อทดแทนกับน้ำ ที่เราสูญเสียไปขณะที่เราหลับ และทุกวันเราควรดื่มน้ำอย่างน้อย 1 ลิตร ต่อน้ำหนักตัว 30 กิโลกรัม หรือประมาณ 2-3 ลิตร ต่อวัน ในกรณีที่เราออกกำลังกาย ควรเพิ่มปริมาณน้ำที่ดื่มอีก 0.25 ลิตร ต่อเวลา 15 นาทีที่ออกกำลังกาย ตัวเลขโดยเฉลี่ย ที่กล่าวมาเพียงแค่บอกให้เรารู้ว่า ต้องดูแลร่างกายของเราเองยังไงบ้าง แต่คุณจะปฏิบัติตามหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความใส่ใจและความห่วงใยในสุขภาพของตัวคุณเอง

Tags:

ESEE HEST Knife – มีดสารพัดประโยชน์ สำหรับมืออาชีพ

Robert Pelton ขณะทำข่าวใน Afganistan

มีด ESEE (RAT Cutlery) รุ่น HEST  Knife เกิดขึ้นโดยความร่วมมือระหว่าง ESEE และ Robert Young Pelton  ผู้มีชื่อเสียงด้านการท่องเที่ยวแนวพจญภัย และเป็นนักเขียนหนังสือคู่มือการท่องเที่ยว ในหลายประเทศ เขายังเป็นผู้กำเนิดรายการโทรทัศน์แนวสารคดี และยังทำงานร่วมกับ สำนักข่าว CNN อีกด้วย

Pelton มีส่วนสำคัญในการเสนอข่าว ในช่วงเริ่มต้นสงครามระหว่าง อเมริกาและอัฟกานิสถาน และเป็นนักข่าวคนเดียวที่ได้สัมภาษณ์ John Walker Lindh ชาวอเมริกันที่ผันตัวไปเข้ากลุ่มตาลิบัน ในคุก Qala-i-Jangi หลังจากเกิดเหตุการณ์สังหารเจ้าหน้าที่ CIA Johnny “Mike” Spann ที่ประเทศอัฟกานิสถาน ปี 2001 ก่อนสงครามอิรักไม่กี่ปี

Robert Young Pelton เป็นนักข่าวที่กล้าเดินทางทำงานสายข่าว ในสถานที่อันตรายต่างๆ ทั่วทุกมุมโลก เช่น เคนย่า, ฟิลิปปิน, ฟิลิปปินส์ตอนใต้, โคลัมเบีย, ลิเบีย ฯลฯ จนเกิดแรงบันดาลใจ ในการออกแบบมีดส่วนตัวขึ้น

John Walker Lindh

มีด HEST Knife เป็นผลจากการร่วมกันออกแบบ ระหว่าง ESEE และนาย Robert Young Pelton จุดประสงค์หลักของมีดเล่มนี้ คือทำขึ้นมา ให้มีขนาดเล็กกะทัดรัด แต่สารพัดประโยชน์ใช้สอย ด้วยขนาดที่เล็ก ทำให้สามารถพกพาไปได้ทุกที่ สิ่งสำคัญที่สุดได้แก่ ความทนทาน ที่จะเชื่อมั่นว่ามีดเล่มนี้ จะไม่หักในเวลาที่คุณต้องการ  ชื่อของมีด HEST มาจาก “ Hostile Environment Survival Tool ” แปลได้ว่า อุปกรณ์ดำรงชีวิต ในสภาพแวดล้อมที่อันตราย ”

ใบมีดถูกทำขึ้นให้มีความหนาเป็นพิเศษ เมื่อเปรียบเทียบกับขนาดของมีด (มีดความยาวรวมทั้งสิ้น 19.4 ซม. ความหนาของใบมีด 5 มม.) ทำให้มีดเล่มนี้ มีความทนทานสูง ความยาวเฉพาะใบมีด 8 ซม. คุณจึงสามารถพกพาไปได้เกือบทุกประเทศโดยไม่ผิดกฎหมาย ด้ามมีดออกแบบเป็นพิเศษ สลักลายโลโก้ประจำตัว Pelton รูปหัวกะโหลกใส่หมวกหัวเราะร่า และคุณสมบัติของด้าม ซึ่งหากไม่เปิดออกดู อาจไม่รู้เลยว่า ในด้ามจับนั้น คุณสามารถซ่อนอุปกรณ์ดำรงชีพขนาดเล็กไว้ภายใน เช่น ตะขอตกปลา, เข็ม, เส้นเอ็นไนลอน, เม็ดสารละลายทำความสะอาดน้ำ ฯ

ส่วนปลายของด้ามจับ ออกแบบมาให้มี pry bar หรือขอสำหรับงัดง้าง เพื่องัดหรือถ่างสิ่งต่างๆ โดยไม่ต้องใช้ปลายมีดงัดให้เสียคม รวมถึงที่เปิดขวดบนสันมีด และตัวตัดเชือกหรือตัดลวด บริเวณปลายด้ามมีด

ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งของมีดคือ สามารถมัดติดกับท่อนไม้ หรือไม้ไผ่ เพื่อใช้แทนหอก หรือขวานขนาดเล็ก เพื่อการดำรงชีพอย่างแท้จริง

วัสดุของใบมีดใช้เหล็กชนิดเดียวกับ ESEE รุ่นอื่นๆ คือเหล็ก 1095 High Carbon และเคลือบผิวด้วย powder coat เพื่อป้องกันใบมีด ด้ามมีดทำจากวัสดุ canvas micarta สีมะกอก มีซองหรือปลอกมีด ทำจาก Kydex าีดำ น้ำหนักรวมของมีดอยู่ที่ 128 กรัม อุปกรณ์ครบชุด ช่วยปรับเปลี่ยนการพกพาได้หลากหลาย โดยปลอกใส่มีด ที่สามารถใช้ร่วมกับเข็มขัด หรือเกาะได้กับเสื้อเกราะ และเชือกร่มที่สามารถร้อยไปกับปลอกมีด เพื่อพกพาในแบบมีดคล้องคอ

สิ่งสำคัญของมีด ESEE คือ มีดทุกเล่ม มาพร้อมกับการรับประกันตลอดชีวิต และเปลี่ยนให้ทันทีแบบไม่มีเงื่อนไข ในกรณีที่ลูกค้าทำมีดหัก จากการใช้งานปกติ 100% full lifetime warranty. If you break it, ESEE will replace it ใครที่สนใจมีดคุณภาพสุงของ ESEE (RAT Cutlery) สอบถามได้แล้ววันนี้ ที่ร้าน Safe House ครับ

Tags: , ,

ยิงปืนอย่าง ปลอดภัย ฝึกให้ขึ้นใจ ทำให้จริงจัง

ภาพอุบัติเหตุจากปืนลั่นเข้าใส่ผู้สื่อข่าวเสียชีวิต ในระหว่างพิธีปิดงาน SAREX 2006 จ.พิษณุโลก

ก่อนที่เราจะเริ่มเขียนบทความ เกี่ยวกับการยิงปืนและอุปกรณ์ปืน สิ่งสำคัญที่จำเป็นต้องพูดถึง อันดับแรก คือ ความปลอดภัยในการเรียนยิงปืน การยิงปืนมีหลากหลายประเภท เช่น การยิงปืนเพื่อการกีฬา, การยิงปืนเพื่อป้องกันตัว ในภาวะฉุกเฉิน และการยิงปืนเชิงยุทธวิธี ซึ่งมีกฎของความปลอดภัยในการเรียนที่แตกต่างกัน บางครั้งอาจทำให้เกิดความสับสนกับผู้เรียน

อย่างที่หนึ่ง การยิงปืนเพื่อการกีฬา จะมีกฎความปลอดภัยพื้นฐาน 3 ข้อ ซึ่งออกโดย United States NRA (National Rifle Association)

  • ข้อ 1. เล็งปืนไปในทิศทางที่ปลอดภัยเท่านั้น
  • ข้อ 2. ห้ามเอานิ้วเข้าโกร่งไก จนกว่าจะพร้อมยิง
  • ข้อ 3. ห้ามบรรจุกระสุนใส่ปืน จนกว่าจะพร้อมยิง

แต่ในความเป็นจริงกฎ 3 ข้อนี้ ใช้ได้ดีในการแข่งขันยิงปืน หรือการยิงปืนเพื่อการแข่งขันเชิงกีฬา แต่ในสถานการณ์จริง กลับใช้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร กฎข้อที่มีปัญหาชัดเจนที่สุด คือ กฎข้อ 3 “ห้ามบรรจุกระสุนจนกว่าจะพร้อมยิง” คำว่า “พร้อมยิง” ไม่สามารถให้คำนิยามได้ชัดเจน ว่าเมื่อไหร่คือพร้อมยิง

ในการแข่งขันยิงปืน ผู้จับเวลาหรือกรรมการ จะเป็นคนบอกให้ “พร้อมยิง” โดยที่นักกีฬาทุกคนจะเข้าใจคำนี้ แต่ในกรณีที่คุณอยู่นอกสนามยิงปืน ใครจะตัดสินใจว่า พร้อมหรือไม่พร้อม และคนพกอาวุธทุกคน ก็คงมีการตัดสินใจต่างกันในสถานการณ์ที่ต่างกัน ความสับสนและไม่ชัดเจนนี้เอง ทำให้กฎข้อนี้ดูคลุมเครือและอันตราย

โดยปกติแล้วการ ยิงปืนในประเทศไทย จะทำในลักษณะ “Cold” range หมายความว่า ปืนจะถูกบรรจุกระสุน ต่อเมื่อจะทำการยิงเท่านั้น การฝึกอีกประเภทเรียกว่า “Hot” range หมายถึงปืน จะบรรจุกระสุนและใส่ไว้ในซองปืนตลอดเวลาการเรียน ซึ่งการฝึกประเภทนี้ จะเป็นการปฏิบัติทั่วไป ในการฝึกยิงปืนทางยุทธวิธี และการยิงปืนเพื่อป้องกันตัวในภาวะฉุกเฉิน เหตุผลที่ทำอย่างนั้น เพราะต้องฝึกให้ผู้เรียนคุ้นเคยกับสถานการณ์จริง ซึ่งปืนจะบรรจุลูกเสมอ

เหตุที่อาจเกิดขึ้นได้ เช่น หากเพื่อนของผู้เรียน เข้ามาร่วมฟังการสอน โดยที่ไม่รู้ว่าเป็นการสอน “Hot” range และคิดว่าปืนไม่มีลูก เพราะยังไม่ได้พร้อมยิง เหตุอันตรายที่ไม่คาดคิด อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ทำให้การฝึกนั้น ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้เอง จึงได้มีการพัฒนาความปลอดภัย เป็นทางเลือกใหม่และใช้อย่างแพร่หลาย ในหลักสูตรการยิงปืนทางยุทธวิธี ในประเทศสหรัฐอเมริกา กฎความปลอดภัยใหม่นี้ ถูกพัฒนาขึ้นโดยบิดาแห่งการยิงปืนสมัยใหม่ Jeff Cooper กฎใหม่  4 ข้อนี้ ช่วยลดความเสี่ยง ที่อาจเกิดขึ้นได้ จากกฎการยิงปืนของ NRA

  1. ปืนทุกกระบอกมีกระสุน
  2. เล็งปืนไปทางที่ปลอดภัยเท่านั้น ห้ามเล็งใส่คน
  3. ห้ามเอานิ้วเข้าโกร่งไกปืน จนกว่าจะพร้อมยิง(ศูนย์จับอยู่บนเป้า)
  4. เช็คให้มั่นใจก่อนทำการยิง ว่าด้านหน้าและด้านหลังเป้าหมาย ปลอดภัย

กฎใหม่นี้ ทำให้เกิดความชัดเจนและปลอดภัยยิ่งขึ้น

กฎข้อที่ 1 ลดความเสี่ยงในเรื่องว่า ปืนมีหรือไม่มีลูกบรรจุอยู่ โดยให้นึกอยู่เสมอว่า ปืนทุกกระบอกมีลูกพร้อมยิง เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่จับปืน ให้เช็คทุกครั้ง ถ้ามีใครบอกว่าปืนไม่มีลูก ให้เช็คทุกครั้ง หรือถ้ามีใครเคลียร์ปืนแล้วส่งให้คุณ ให้เช็คซ้ำอีกครั้งหนึ่ง และให้ปฏิบัติเช่นนี้จนเป็นนิสัย จำไว้เสมอว่า ปืนทุกกระบอกมีลูก เช็คด้วยตัวเองทุกครั้ง เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณและคนรอบตัว

กฎข้อที่ 2 ในขณะที่คุณถือปืน ห้ามเล็งปืนไปในทิศทางที่ไม่ปลอดภัย ในการทำการยิง เช่น ทางที่มีคนยืนอยู่ หรือเล็งใส่ตัวเอง เพราะอุบัติเหตุสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความบกพร่องของกลไกของตัวปืน ก็เป็นส่วนที่ต้องระวัง บางครั้งปืนที่ไม่ได้ถูกดูแลรักษามาเป็นอย่างดี อาจลั่นได้โดยที่เราไม่ได้เหนี่ยวไกปืนด้วยซ้ำ ในกรณีที่อุบัติเหตุอย่างนี้เกิดขึ้น ให้มั่นใจว่าคุณไม่ได้เล็งไปในทิศทาง ที่ไม่ปลอดภัย

กฎข้อที่ 3 มักจะพบเห็นการละเมิดกฎข้อนี้ได้บ่อย โดยเฉพาะผู้ที่ไม่ได้ผ่านการอบรมหลักสูตรยิงปืน การที่ไม่เอานิ้วเข้าไปในโกร่งไกนั้น เป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติทุกครั้งที่จับปืน โดยเฉพาะในกรณีที่ ต้องใช้ปืนในสถานการณ์ที่มีความเครียดสูง หรือมีเสียงรบกวนระหว่างการใช้งาน ควรจำไว้เสมอว่า ถ้าศูนย์ปืนยังไม่ได้จับไปที่เป้า หมายความว่าท่านพร้อมที่จะยิง อย่าเอานิ้วเข้าในโกร่งไก

กฎข้อที่ 4 ถูกเพิ่มเข้าไป ในกฎความปลอดภัยของการใช้ปืน คุณต้องมั่นใจในความปลอดภัยของเป้า ที่คุณจะยิง และด้านหลังของเป้า อย่าคิดเอาเองว่าเป้าที่คุณยิง จะหยุดลูกกระสุนได้ มีหลายกรณีที่กระสุนลูก 9 มม. ยิงทะลุร่างกายของคน ไปถูกคนที่อยู่ด้านหลัง เช่นเดียวกับที่กระสุน สามารถยิงทะลุกำแพงได้เช่นกัน นั่นเป็นสิ่งสำคัญ ที่คุณต้องระวังก่อนทำการยิง

หลายครั้งที่การเรียนยิงปืนบางสำนัก จะเห็นการละเลยกฎข้อ 1,2,3 หรือ ทั้ง 4 ข้อ อยู่เป็นประจำ เช่น นักเรียนเล็งปืนเข้าหากัน หรือนักเรียนเล็งปืนไปทางผู้ฝึกสอน บางหลักสูตรปืนยาว ยิงข้ามกำแพง โดยที่ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ของสิ่งที่อยู่ด้านหลังกำแพง และนักเรียนในชั้นเรียนหยิบปืนขึ้นมาดู โดยไม่ได้เช็คปืนด้วยตนเอง พฤติกรรมต่างๆเหล่านี้ อาจก่อให้เกิดอันตราย ต่อตนเองและผู้อื่น หากเราไม่นึกถึงกฎความปลอดภัย

หลักสูตรการยิงปืนขั้นพื้นฐาน โอกาาสในการเกิดการบาดเจ็บอาจมีน้อยกว่า เมื่อเทียบกับหลักสูตรการยิงปืนชั้นสูง เหตุผลเพราะปืน จะโหลดลูก เฉพาะเวลาที่จะทำการยิงเท่านั้น และผู้ฝึกสอนก็จะระแวดระวัง ในทุกขั้นตอนของการเรียนค่อนข้างดี แต่ในหลักสูตรการยิงปืนชั้นสูง (Advance Shooting) ความเสี่ยงจะสูงกว่ามาก เพราะฝึกสอนกันในแบบ hot range ซึ่งปืนจะบรรจุลูก และพร้อมจะลั่นได้ตลอดเวลา การฝึกจะมีรูปแบบที่ซับซ้อนมากกว่า เช่น การเคลื่อนตัวยิง โดยบางครั้งต้องเคลื่อนตัวผ่านด้านหน้า และหลังของเพื่อนร่วมชั้น โดยที่พร้อมยิงเป้าหมายไปด้วย ยิ่งหลักสูตรยิงปืนในสภาพแสงน้อย (Night firing) จะยิ่งเป็นเรื่องยากต่อผู้ฝึกสอน ในการตรวจสอบความปลอดภัยในชั้นเรียน นักเรียนต้องมีความตระหนักถึงความปลอดภัยด้วยตัวเอง

ไม่ว่าคุณกำลังคิดจะเรียนยิง หรือเรียนมาแล้วหลายหลักสูตรก็ตาม เรามาช่วยกันทำให้การเรียนยิงปืน เป็นเรื่องของความปลอดภัย โดยช่วยกันปฏิบัติตามกฎ โดยเคร่งครัดกันนะครับ

Tags:

หมดเวลาการชิงรางวัลปฏิทิน LaRue Tactical สำหรับเดือนนี้

หมดเวลาการชิง รางวัลปฏิทิน LaRue Tactical สำหรับเดือนนี้ เราได้เลือกผู้โชคดี จากผู้สมัครสมาชิกแล้ว 4 ท่าน เราจะติดต่อกลับ เพื่อการรับรางวัลต่อไป ประกาศรายชื่อผู้โชคดีทางเวบไซต์ เพียงท่านสมัครสมาชิกกับเรา ก็มีสิทธิ์ลุ้นรางวัลในกิจกรรมต่างๆมากมาย ที่เราจัดให้สมาชิกได้ร่วมสนุกอย่างต่อเนื่อง ติดตามข่าวสาร และร่วมกิจกรรมครั้งต่อไปได้ที่ SafeHouse Labs : เรื่องราวข่าวอุปกรณ์ สู่สังคมคนรักคุณภาพ

ของรางวัลชิ้นต่อไปอาจเป็นของคุณ!

ITW FastMag Gen 3 โฉมใหม่ ใส่เครื่องแบบ Multicam

ไปเห็นของแปลกๆ ก็เลยเก็บภาพมาฝากจากงาน SHOT Show 2010 ซึ่ง ITW ได้เปิดตัวสินค้าโฉมใหม่ ที่ยังไม่วางจำหน่าย ปล่อยออกมาเป็น Prototype เรียกน้ำลาย ที่เด่นๆก็เห็นจะเป็น “FastMags Gen III” ซึ่งมีข่าวแว่วว่าจะออกรุ่นใหม่มาเร็วๆนี้ แต่รายละเอียด ที่ไม่ได้กล่าวถึง คือ การแต่งตัวใหม่ให้ Fast Mag Gen 3 ด้วยผ้าลายพรางมัลติแคม (Multicam) จาก Crye Precision คลุมด้านหน้า และฝาเปิด-ปิด ให้ดูภายนอก เหมือนซองไนลอนมากขึ้น

ส่วนที่เป็นแมกกาซีนพลาสติก ทำเป็นสีพรางให้เลือกเพิ่มขึ้น 2 สี ด้วยพราง Multicam และพราง ACU นับเป็นการเปลี่ยนลุค Fast Mag ให้ดูกลมกลืนกับอุปกรณ์ บนเสื้อเวสมากยิ่งขึ้น สำหรับผู้ที่สนใจ คงต้องรอกันอีกหน่อย ในขณะนี้ยังคงเป็นสินค้าใหม่ในขั้นทดลอง ยังไม่มีประกาศจาก ITW ว่าจะวางตลาดเมื่อไหร่ แต่หากเริ่มวางจำหน่ายจริงๆ น่าจะได้รับการตอบรับ จากผู้ใช้เป็นอย่างดีทีเดียว สำหรับวันนี้ ชมภาพที่เรานำมาฝากกันไปก่อนครับ 😉

Tags:

MicroNet™ อัจฉริยะบนผืนผ้า นุ่มสบายต่อผิวคุณ

เชื่อว่าบางท่านคงอาจจะเคยได้ยิน หรือได้ลองใช้ผ้าผสมไมโครไฟเบอร์ กันมาบ้างแล้ว ที่มีให้เห็นส่วนมาก จะเป็นในรูปของ ผ้าเช็ดเลนส์แว่น, ซองเก็บเลนส์กล้อง หรือซองใส่จิวเวลรี่ ฯลฯ ซึ่งต้องการเส้นใยคุณภาพสูง ในการทำความสะอาด ชนิดไม่ทิ้งรอยและคราบ

Mcnett คิดค้นผ้าไมโครไฟเบอร์ ในชื่อ MicroNet ขึ้น ผ้าชนิดนี้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าเส้นใยชนิดอื่นๆ และมีความน่าสนใจอยู่หลายประการ เทคโนโลยีไมโครไฟเบอร์ เมื่อนำมาออกแบบเป็นผ้าเช็ดตัว จึงได้ผ้าที่ดูดซับน้ำ ได้มากกว่าน้ำหนักของผ้า พับเก็บได้เล็ก กว่าผ้าเช็ดตัวทั่วไป และแห้งเร็วทันใจ กว่าหลายเท่าตัว ทั้งยังมีความนุ่ม บางเบาพิเศษ ให้ผิวสัมผัสที่ นิ่มละเอียด ไม่หยาบกระด้าง จึงอ่อนโยน และเหมาะต่อการใช้งาน กับผิวหน้าและผิวกาย

MicroNet ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ในกองทัพสหรัฐฯ จนถูกจัดให้เป็นหนึ่งในรายการสิ่งอุปกรณ์ประจำบุคคล ที่ทหารทุกหน่วยสามารถจัดซื้อให้ทหารทุกคนใช้ จนเริ่มเป็นที่นิยม ในหมู่ผู้ชื่นชอบของใช้ คุณภาพสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ข้อแตกต่างระหว่างผ้าขนหนูทั่วไปกับผ้าเช็ดตัว MicroNet ที่เห็นได้ชัดคือ ผ้า MicroNet จะมีลักษณะของเนื้อผ้าที่ละเอียด นุ่มและบางกว่า ไม่เปื่อยยุ่ยง่าย หรือกลายเป็นปุ่มขน เหมือนเส้นใยธรรมชาติ  สามารถทำความสะอาดคราบน้ำมัน เหงื่อไคล และสิ่งสกปรก ออกจากร่างกายได้อย่างอ่อนโยน และที่สำคัญแห้งเร็วกว่าผ้าขนหนูทั่วไปมากครับ เพราะมีเส้นใยไมโครไฟเบอร์อยู่หนาแแน่น ตากลมไม่นาน ก็สามารถม้วนเก็บเข้ากระเป๋าได้ไม่อับชื้น ไม่เกิดเชื้อรา

ภาพตัดขวาง เปรียบเทียบกับเส้นใยทั่วไป

ภาพขยายเส้นใยไมโครไฟเบอร์

ไมโครไฟเบอร์เป็นเส้นใยสังเคราะห์ที่มีขนาดเล็กและบาง มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 ไมครอนหรือมีขนาดครึ่งหนึ่งของเส้นใยไหม ทำให้ผ้าไมโครไฟเบอร์มีความเบา ระบายอากาศได้ดี สามารถดูดซับน้ำมากถึง 5 เท่า และแห้งไว แม้จะตากในที่ร่ม

การจัดเก็บและพกพา : ผ้า MicroNet ออกแบบมาเพื่อความคล่องตัว สามารถจัดเก็บได้เล็กกว่าผ้าเช็ดตัวทั่วไปหลายเท่า จึงไม่กินเนื้อที่ในกระเป๋าสัมภาระของคุณ ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว และมีน้ำหนักเบา

ในหนึ่งผืนจะมาพร้อมกับชุดกระเป๋าตาข่ายพร้อมซองซิปพกพา พร้อมหูจับสำหรับแขวน ที่มุมของตัวผ้าทุกผืน มีแถบกระดุมชนิดกด ทำเป็นห่วง สำหรับใช้ร้อยไปกับกระเป๋า หรือจะใช้แขวนเพื่อตากกับเต้นท์ หรือตะขอเกี่ยวต่างๆ ได้อย่างสะดวก ถุงตาข่ายสามารถใช้เก็บอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดอื่นๆ ไม่ว่าจะเก็บแบบเปียกหรือแบบแห้งก็ได้หมดครับ

สิ่งที่ผมชอบมาก คือ แก้ปัญหาการเก็บผ้าขนหนู ที่เปียกหลังการใช้งาน และตากเท่าไหร่ก็ไม่แห้งสนิท จนส่งกลิ่นเหม็นอับ อยู่ในกระเป๋าเดินทางได้ดีเยี่ยม หมดกังวลว่ากลิ่นจะอับติดเสื้อผ้า เหมาะสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อย หรือชอบการเดินทางท่องเที่ยว ตั้งแคมป์ ที่ต้องการนำแต่ของที่จำเป็น และต้องการทำกระเป๋าให้เบาที่สุดครับ

การดูแลรักษา : เพียงแยกผ้า MicroNet ออกจากผ้าอื่น แล้วซักด้วยมือหรือเครื่อง ในน้ำธรรมดา ไม่ควรใช้น้ำยาฟอกสี น้ำยาขจัดคราบ หรือแม้แต่น้ำยาปรับผ้านุ่มก็ตาม หลังซักเสร็จแล้ว แขวนผึ่งลม หรือตากในที่แสงแดดอ่อนๆ ก็แห้งสนิทแล้วครับ

คุณสมบัติ
– น้ำหนักเบากระทัดรัด พกพาสะดวก
– สามารถดูดซับน้ำได้มากถึง 5 เท่าของน้ำหนักผ้า และแห้งไว
-ออกแบบมาเพื่อความคล่องตัว สามารถจัดเก็บได้ง่าย และสะดวกรวดเร็ว
– นุ่ม เบาสบาย ปกป้องทุกสภาวะ
– ดูแลรักษาง่าย  ทนต่อการซักเครื่อง และซักมือ
– ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าเช็ดตัว ผ้าห่ม ผ้าพันคอ ผ้าเช็ดทำความสะอาดเลนส์ หรือกระจก

คำแนะนำในการใช้งาน
แยกผ้าซักด้วยเครื่องหรือมือ ไม่ใช้ร่วมกับน้ำยาฟอกสี หรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม ตากให้แห้งในที่ร่ม หรือที่มีแสงแดดอ่อน

สี (สำหรับงานภาคสนาม)
Coyote  (น้ำตาล Coyote)
O.D. Green (เขียวมะกอก)
Sand (ทราย)

ขนาด น้ำหนัก
Medium = 20×40 นิ้ว                           Medium = 3.5 oz.
Large = 30×50 นิ้ว                                Large = 6.75 oz.
XL = 35×62 นิ้ว                                       XL = 8.75 oz.

Tags: