ผมมีรีวิว Hest Folder มาแนะนำกันครับ สำหรับ Hest/F 2.0 ซึ่งเป็น Hest รุ่น 2 รุ่นล่าสุดของ DPx (Dangerous Places Extreme) โดยการเติมเลขเวอร์ชั่นต่อท้ายเข้าไป บอกให้รู้ถึงรุ่นที่แตกต่าง ล๊อตแรกเป็นเวอร์ชั่น Hest/F 1.0 โดยแรกเริ่มที่ได้ปรับปรุงเวอร์ชั่น 1 นั้น ทาง DPx ตัดสินใจที่จะส่งเวอร์ชั่นที่ปรับปรุงแล้ว ไปให้ลูกค้า(ที่อเมริกา) ที่เคยซื้อตัว Hest/F 1.0 เพื่อขอความเห็น โดยการสุ่มทางเบอร์โทรศัพท์ และส่งไปให้ถึงบ้านเลยครับ จากนั้น DPx จึงนำข้อมูลที่ได้จากผู้ใช้โดยตรง มาปรับปรุงรุ่นใหม่ในเวอร์ชั่น Hest/F 2.0 ซึ่งทั้ง 2 รุ่นนี้มีความแตกต่างและหน้าตาเป็นอย่างไร มาดูกันครับ

Package ใหม่... สวยขึ้นเยอะ

เริ่มจากตัว Package ก่อนเลย จะเห็นว่า่กล่องของ Hest/F 2.0 สวยงามขึ้น และดูจะใส่ใจกับ Package มากขึ้นเมื่อเทียบกับ Hest/F 1.0 เนื่องจาก DPx Gear,Inc. มีจุดเด่นที่เป็นลักษณะเหมือนบริษัท Product Design จึงให้ความสำคัญกับบรรจุภัณฑ์ มากกว่าบริษัทผลิตมีดทั่วไปครับ

ตัวกล่องรุ่น 2 พิมพ์ลาย Mr.dp ทั่วทั้งกล่อง และผลิตจากกระดาษลูกฟูก แข็งแรง ทนทานกว่ากล่องรุ่น 1 ที่ผลิตจากกระดาษแข็งธรรมดา ด้านนอกของ Hest/F 2.0 ยังห่อด้วยกระดาษแข็งสีดำด้าน ปั้มนูนพิมพ์ลายโลโก้ Mr.dp ลงสีเงิน คราวนี้ก็สวยงามพอที่จะโชว์กล่องไว้ในตู้พร้อมมีดได้แล้วครับ

เมื่อเปิดกล่องออกมา…ด้านในตัวมีดจะห่อกระดาษสีดำไว้ ที่สำคัญแถม Adjustment tool หน้าตาคล้ายหัวกะโหลก มาให้เหมือนเดิมครับ แต่ที่แตกต่างออกไป คราวนี้มีคู่มือของตัวมีดมาด้วย ด้านในคู่มือบอกถึงวิธีการใช้งาน, วัสดุการผลิต, ขนาดโดยรวม ฯลฯ ซึ่งออกแบบได้สวยงาม

เกริ่นมานาน…ก็ได้เวลาดูพระเอกของเราแล้ว DPx Hest/F 2.0 หน้าตาโดยรวมดูแบบผิวเผิน จะเห็นว่าไม่ได้แตกต่างจาก Hest/F 1.0 สำหรับรูปลักษณ์ภายนอกเลยครับ แต่ถ้าลองพิจารณาอย่างละเอียด เราก็จะเห็นข้อแตกต่างในหลายๆส่วน

บน: รุ่น 2 ล่าง: รุ่น 1 มีขนาดเท่ากันครับ

เริ่มเปิดมีดกันเลยดีกว่า สำหรับคนที่เพิ่งเคยได้ลองจับ Hest/F 2.0 เป็นครั้งแรกอาจจะรู้สึกว่าเปิดมีดยากพอสมควร แต่ไม่ต้องห่วงครับ เป็นอย่างนี้ทั้ง 2 เวอร์ชั่น(เอ๊ะ…ยังไง) แต่เมื่อพอจับจุดในการเปิดได้ ฝึกไปซักพักก็จะเปิดมีดได้คล่องขึ้นเหมือนมีดปกติครับ

การเปิดมีดมี Trick อยู่ที่ว่า แทนที่จะใช้ปลายนิ้วโป้งในการดัน Trumbstud ลองเลื่อนต่ำลงมาซัก 2 ซม.แล้วเปิดดู จะรู้สึกว่าเปิดง่ายขึ้นนะครับ หรือจะใช้ Adjustment tool ที่แถมมาให้ หรือจะปรับแกน pivot ให้คลายออกซักนิดก็ได้ครับ เน้นนะครับว่านิดเดียวแค่นี้ก็จะเปิดง่ายขึ้นแล้วครับ

รูปทรงใบมีดยังคงเป็นทรง Drop Point เหมือนกันทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นขนาด แลความหนาครับ ด้วยความหนาขนาดนี้ของเหล็ก D2 ถือว่า DPx ลงทุนในการผลิตรุ่นนี้สูงจริงๆ ส่วนใหญ่ถ้าเป็นยี่ห้ออื่น สเปกขนาดนี้ ราคาไม่ได้เท่านี้แน่นอนครับ

ระบบล๊อคเป็นแบบ Frame lock ผลิตจาก Titanium ทำผิวแบบ Stone wash ความหนาของตัวเฟรมมีขนาดเท่ากันทั้ง 2 รุ่นครับ การเปิด-ปิดของรุ่น Hest/F 2.0 แรกเริ่มจะมีความฝืดน้อยกว่ารุ่น 1 เมื่อได้ลองนำน้ำมันหล่อลื่นมาทาตรงหน้าสัมผัส จะพบว่าความฝืดลดลงครับ (น้ำมันที่ผมใช้ เป็นน้ำมันหล่อลื่นปืนรุ่น EWL ยี่ห้อ Slip2000)

ระบบ RotoฺBlock เป็นระบบที่ป้องกันการตีกลับของใบมีด พบว่าเมื่อบิดเพื่อล็อคและทดสอบด้วยการใช้มือพยายามที่จะปิดใบมีด พบว่าแน่นหนาดีทั้ง 2 รุ่นครับ ต่างกันเพียง Hest/F 2.0 จะไม่มีสัญลักษณ์บอกว่า ให้บิดไปทางไหนเพื่อทำการล๊อคครับ โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบรุ่น Hest/F 1.0 มากกว่า

สัญลักษณ์บริเวณ RotoBlock จะไม่มีในรุ่น 2.0

เพราะการมีสัญลักษณ์บอก จะได้รู้ว่าควรบิดไปทางไหน แต่ทางฝรั่งบางคนที่ได้รีวิวเอาไว้ บอกว่าทาง DPx ลบออกเพื่อลดการสับสน (ส่วนตัวแล้ว ทิศทางการหมุนไม่ใช่เรื่องยากครับ) ส่วนด้านท้าย มีรูสำหรับไขน๊อตแบบ Hex หรือหกเหลี่ยมได้ หรือจะเอาไว้ร้อย Lanyard ก็ได้อีกเช่นกัน

ฝั่งทางด้านของ Sub frame ในรุ่น 2 จะถูกตัดออกไปเพื่อลดน้ำหนักของตัวมีดโดยรวมลง จึงทำให้สัมผัสแรกที่รู้สึกได้ในทันทีที่จับ คือตัวมีดเบาขึ้นจากเดิมเล็กน้อยครับ

ในฝั่งของประกับมืออีกด้าน ผลิตด้วย G10 สี Sage Green ซึ่งความหนาของรุ่น 1 จะอยู่ที่ 6 มม. รุ่น 2 จะอยู่ที่ 8 มม. สังเกตุว่ารุ่น 2 จะหนากว่ากันเล็กน้อย เพื่อชดเชย Sub frame ที่ได้เอาออกไปครับ

รุ่น 2 ได้ทำการปรับเปลี่ยน Design นิดหน่อย ซึ่งทำให้สามารถเข้าถึงตำแหน่งปิดมีดได้เร็วยิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าหลายท่านคิดว่า ไม่จำเป็นต้องปิดให้เร็วขนาดนั้นก็ตามเถอะครับ แต่ก็ถือว่าเก็บรายละเอียดได้ดี

คลิปเหน็บกระเป๋า ผลิตด้วย Stainless ยิงลาย HEST ข้อแตกต่างคือ คลิปของรุ่น 2 จะไม่มีช่องสำหรับคล้อง Lanyard เหมือนเดิมนะครับ ซึ่งจะทำให้ตัวคลิปแข็งแรงขึ้นมาก หรือใครที่ไม่ชอบคลิปแบบที่มีมาให้ ก็สามารถสั่งซื้อมาเปลี่ยนได้นะครับ มีหลายแบบด้วยกัน ลองเข้าไปดูในเว็บของ DPx ได้เลยครับ

ด้านท้ายของตัวมีดจะมีน๊อตปลายแหลม ทำหน้าที่เป็นตัวตอกกระจก (Glass breaker) และช่วยยึดตัวคลิปให้อยู่กับที่ด้วย ในกล่องจะมีมาให้ 2 แบบครับ แบบปลายแหลมกับปลายมน จากการใช้งานตั้งแต่ได้มา ผมบอกได้ว่า Glass breaker ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใช้งาน จะดึงเข้าดึงออกเป็นร้อยๆครั้ง ก็ไม่ได้บาดหรือข่วนมือแต่อย่างใดครับ

ภาพกลไกของ RotoBlock

Mr.DP Skull Tool adjustment สุดยอดของแถม ที่ถือว่าเป็นสิ่งที่จูงใจคนซื้อ Hest/f ได้ดีมากๆ เมื่อเห็นแว๊บแรก ข้อแตกต่างระหว่างทั้ง 2 เวอร์ชั่น คือ การทำผิวสัมผัสแตกต่างกันครับ Hest/F 1.0 จะทำผิวแบบด้านๆ แต่ Hest/F 2.0 จะเป็นแบบ Stone wash ซึ่งก็สวยกันคนละแบบ แล้วแต่จะชอบนะครับ หลายท่านคงสงสัยว่ามันจะเอาไว้ใช้ทำอะไรนะครับ… คือว่ามันถูกออกแบบด้วยจุดประสงค์หลายประการดังนี้ครับ
1. ไขปรับความแน่น-อ่อน ของน๊อต pivot
2. ไขเปลี่ยน Glass Breaker
3. Strap Cutter สำหรับตัดกล่อง, ลังกระดาษ ฯลฯ

รูจมูกของ Mr.dp ซึ่งเป็นที่เก็บของน๊อตยึดคลิปเหน็บกระเป๋า ก่อนหน้านี้รุ่น 1 จะเป็นรูเฉยๆ แต่ตอนนี้รุ่น 2 เซาะเกลียวมาให้เลยไม่ต้องกลัวน๊อตหล่นหายแล้วครับ

ส่วน Strap Cutter หรือ BOX Cutter แล้วแต่จะเรียกนะครับ ไว้สำหรับตัดสิ่งของพวกเทปกาวบนลังกระดาษ, เอ็นตกปลา, พลาสติก ไม่สามารถตัดเชือกหนาๆ หรือเอาไปทำเป็นอาวุธป้องกันตัว ก็เล็กเกินไปครับ

สรุปว่า DPx Hest/f 2.0 ได้ปรับปรุงคุณสมบัติต่างๆให้ดีขึ้น และใส่ใจกับรายละเอียดมากขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ดีกับผู้ใช้ น้อยครั้งที่เราจะได้เห็นมีดรุ่นเดิม ในเวอร์ชั่นใหม่ๆ เพราะส่วนใหญ่จะเป็นการออกรุ่นใหม่ไปเลยซะมากกว่า ซึ่งผมว่าน่าเสียดายการออกแบบที่เริ่มต้นมาดีแล้ว สำหรับ DPx Hest/f เวอร์ชั่น 2.0 ที่ผมให้ข้อมูลมานี้ ก็หวังว่าแฟนๆ DPx Hest จะได้ข้อมูลกันไปอย่างพอเพียงนะครับ สำหรับ Hest/F 1.0 ที่หมดไปแล้ว ต้องขออภัยที่ไม่สามารถนำมาเพิ่มเติมให้เป็นเจ้าของกันได้ แต่สำหรับ Hest/F 2.0 รุ่นล่าสุดนี้ ยังมีให้คุณเป็นเจ้าของในจำนวนจำกัดครับ

สนใจสินค้าของ DPx Gear ติดต่อได้ที่ Safe House ตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทยครับ