ชื่อผู้กำกับ สมเพียร เอกสมญา เชื่อว่าหลายคน อาจจะไม่เคยได้ยิน ชื่อของท่านมาก่อน จนกระทั่ง การเข้าร้องเรียน คำสั่งโยกย้ายตำรวจ กับนายกฯอภิสิทธิ์ ด้วยตัวท่านเอง เป็นข่าวดัง แต่ไม่ทันที่ จะมีข้อยุติ วันที่ 12 มี.ค. คนร้ายในพื้นที่ ก็กดระเบิดแสวงเครื่อง ที่ฝังไว้กลางถนน ลอบทำร้าย จนท่านเสียชีวิต

ตำรวจนักรบท่านนี้ เกิดวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2493 เป็นนักเรียนพลตำรวจ โรงเรียนตำรวจภูธร 4 ยะลา วิริยะอุตสาหะ ไต่เต้าจากการ เป็นตำรวจชั้นผู้น้อย ประวัติการ รับราชการ เริ่มด้วยการทำงาน ในดินแดน ที่เรียกได้ว่า ดงสงคราม ตั้งแต่ปี 2513 เรื่อยมา จนวาระสุดท้ายของชีวิต

ท่านยืนหยัด สู้ศึกคอมมิวนิสต์ มาหลายสิบปี เป็นมือปราบมือดี ที่เข้าใจชาวบ้าน และเป็นมารของ ผู้ก่อความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัด ชายแดนใต้ ฝ่าภัยอันตราย มาหลายสมรภูมิ ในวันนี้ท่านเหลือ อายุราชการ แค่เพียงปีเดียว

วีรกรรมและความดี ต่างเป็นที่ประจักษ์ ท่านเคยบาดเจ็บ ในหน้าที่ จากเหตุระเบิด ต่อสู้พวกแยกดินแดน จนได้รับโปรดเกล้าฯ พระราชทาน *เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี เหรียญรามมาลา เข็มกล้ากลางสมร จากพระหัตถ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายน้ำพิพัฒน์สัตยา สาบานว่า จะเป็นข้าราชการที่จงรักภักดี และพลีชีวีตเพื่อชาติ

“ข้าพเจ้า จ่าสิบตำรวจ สมเพียร เอกสมญา ขอกระทำสัตย์ ปฏิญาณสาบานตัว ต่อประเทศชาติ และประขาชนชาวไทย ต่อพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เฉพาะพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร และพระสยามเทวาธิราช ข้าพเจ้าจะมั่นอยู่ใน ความกตัญญูกตเวที ต่อผืนแผ่นดินไทย เหนือสิ่งอื่นใด จะมุ่งถือความสุขสวัสดี ของผองไทยเป็นหลัก เหนือประโยชน์ส่วนบุคคล หรือหมู่คณะใดๆ จะปฏิบัติหน้าที่ทุกประการ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ ที่พร้อมจะเสียสละทุกสิ่ง เพื่อความมั่นคง เจริญไพบูลย์ ของผืนดินไทย และความปลอดภัย ของปวงประชา ส่วนใหญ่เป็นสำคัญ

ข้าพเจ้าจะรักษา คำสัตย์ปฏิญาณ ด้วยเกียรติศักดิ์ ของสมาชิกแห่ง ราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี ตราบเท่าที่ชีวิตจะหาไม่ หากเมื่อใดข้าพเจ้า สำนึกรู้ว่ามีเจตนาไม่บริสุทธิ์ ฝ่าฝืนคำสั่งปฏิญาณนี้ ขอความวิบัติ จงเกิดแก่ข้าพเจ้าเมื่อนั้น โดยฉับพลันทันที อย่าให้มีความสุข ความสวัสดี ด้วยประการใดๆ หากข้าพเจ้าตรงมั่นใน คำสัตย์ปฏิญาณนี้ ยั่งยืนไป ขออานุภาพ พระรัตนตรัย และเทพยดาอารักษ์ มีพระสยามเทวาธิราช เป็นต้น จงดลบันดาล ความสุขสวัสดี แก่ข้าพเจ้าทุกเมื่อ ให้ข้าพเจ้า มีความเจริญ ในราชการเป็นกำลัง ทะนุบำรุงประเทศชาติ สืบไปได้ สมตามปณิธาน ปรารถนาทุกประการฯ”

ใครได้ดูภาพข่าว การร้องเรียน คำสั่งแต่งตั้งโยกย้าย ตำรวจในพื้นที่ภาคใต้ ก่อนวันที่ ท่านเสียชีวิตได้ไม่นาน คงจะจำภาพ ที่ท่านพูดถึงผลงาน การปะทะผู้ก่อการร้าย เกือบ 100 ครั้ง บาดเจ็บ 8-9 ครั้ง วิสามัญผู้ร้าย 22 คน เสี่ยงชีวิตอีก นับครั้งไม่ถ้วน ด้วยน้ำตา และเสียงสะกดกลั้น “ผมได้เหรียญรามาฯ นะ” เหรียญพระราชทาน อันเป็นเกียรติยศสูงสุด ของผู้มีคุณงามความดี ต่อแผ่นดิน ซึ่งพิสูจน์ด้วยการแลก ทั้งชีวิตและวิญญาณ ยากจะหาผู้ใด เสมอเหมือน

ด้วยความเป็นนักสู้ ผู้ไม่หวั่นอำนาจใด ขอไว้ลาย แทนตำรวจดี ที่ไม่มีปากเสียง ด้วยการเข้าร้องเรียน ถึงทำเนียบรัฐบาล “ที่ผมออกมาเรียกร้องครั้งนี้ เพื่อสะท้อนให้เห็นว่า ตำรวจในภาคใต้ ทำงานอย่างไร ไม่ได้เรียกร้อง หาความเป็นธรรมใดๆ เพราะมีคนเคยพูดว่า ตำรวจเลือกที่ กับเลือกนายไม่ได้ อย่างไรก็ตาม อยากให้นายกฯ เข้ามาสะสางปัญหา การจัดทำโผโยกย้าย ในบช.ภ.9 ด้วย อย่าเอาใจใส่ แต่ตำรวจในส่วนกลาง หรือบช.ภ.1, 2 และ 4 เพียงอย่างเดียว เพราะขณะนี้ ตำรวจในพื้นที่ รู้สึกเป็น ลูกเมียน้อย กันหมดแล้ว มีแต่เด็กนาย เท่านั้นที่ได้ดี ส่วนจะเกี่ยวข้อง กับพรรคการเมือง ใหญ่หรือไม่ ผมไม่ทราบ”

นอกจากผลงาน และความดีแล้ว อะไรกันเล่า จะเพียงพอ ให้คำขอย้าย ไปพักยังบ้าน ที่ห่างไกลจากเสียงปืน เพื่อขอนอนหลับ ให้เต็มตื่นได้กลายเป็นจริง ใครไม่เคย คงไม่รู้ ว่าการอยู่กับเสียงปืน ทั้งยามหลับตา และยามตื่น บุกตะลุยเข้า ป่าดงพงหนาม สู้กับโจรผู้ร้าย ไม่เลือกหน้าและเวลา ผวาเพียง เสียงกิ่งไม้หัก มันลำบาก ยากนักเพียงไหน

นายคงรู้ แต่อยากให้อยู่ อีกปีสุดท้าย แต่นายครับนาย นายคงจะลืมไป ว่าโจรมันไม่สนใจ และคงไม่มีใคร ดวงแข็งไปตลอดกาล คำสั่งของนาย ก็เหมือนสั่งให้ตาย แล้วนายว่าจะปลอบขวัญ ขอให้เลื่อนขั้น แต่คงไม่ทันให้ชื่นใจ ได้ในชาตินี้เสียแล้ว

นายจะรู้ไหม ในยามแผ่นดิน ระส่ำระสาย ว่าโจรมันย่ามใจ เมื่อผู้กำกับจากไป โดยไม่ทันได้ฝากฝัง คราวนี้ใครหนอ จะกล้าและบารมีพอ เข้าสานต่อ ภาระยิ่งใหญ่ไว้บนบ่า หากผู้นำไม่มีใจ ที่ใหญ่กว่าหินผา ชาวบ้านคงส่ายหน้า ลูกน้องคงระอา โจรคงจะหัวเราะร่า แล้วบันนังสตา จะเป็นเช่นไร เมื่อไม่มีใคร ยืนสู้ อยู่ข้างประชาชน

คนเราก็เท่านี้ จะให้ดีได้แค่ไหน ลงท้ายคือทำใจ ใช่ไหมครับนาย ชายชาตินักรบ คงต้องรอความสงบ ยามเมื่อดินกลบหน้า ได้เป็นนายพล ยามนั่งบนเมรุ ไม่รู้ว่าเป็นเวรหรือกรรม นะนาย

ท่านสมเพียร คงสมใจ หากท่านผู้เป็นใหญ่ แก้ปัญหาอย่างจริงใจ ไว้ลายกันสักครา สนับสนุนตำรวจดี ให้สวัสดิการเต็มที่ ให้อยู่ดีทั่วหน้า อย่าให้ช้าเกินไป ทำให้เห็นทันใจ ในชาตินี้ นะนายจ๋า

วันนี้ท่านสมเพียรได้หยุดพัก จากการทำงานมาหนักหนา ยามบ้านเมืองต้องการคน ที่เข้าใจประชาชน ยืนหยัดสู้รักษา แม้คนดีมาจากไป คนที่เหลือต้องร่วมใจฟันฝ่า ลดความเห็นแก่ตัว มองให้ไกลถ้วนทั่ว โจรมันกลัวคนกล้า

สงครามมวลชน ต้องเข้าถึงใจประชาชน ไม่ชักช้า ลองใช้แง่คิด มองชีวิตท่านสมเพียร เป็นบทเรียนดังท่านว่า “การชนะยุทธวิธี อาจชนะเพียง บางครั้งบางคราว แต่การเอาชนะความคิด และจิตใจของประชาชน เป็นชัยชนะที่ถาวรยั่งยืน การเอาชนะจิตใจประชาชน ทำให้ประชาชนเชื่อถือ และศรัทธาต่อตัวบุคคล จะได้ข่าวสาร ซึ่งเป็นหัวใจของการ ปฏิบัติการทางยุทธวิธี ยุทธการที่มีประสิทธิภาพ ถูกต้อง จะต้องมีการข่าว ที่ถูกต้อง”

ปณิธานดับไฟใต้ จะสำเร็จเสร็จได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมใจ ไม่ถอยล้า แดนดินด้ามขวานทอง เรารักกันดังพี่น้องมานานช้า ทุกคนรอความสงบ หยุดการสู้รบเข่นฆ่า หลายชีวิตคงรอดตาย ทุกคนช่วยกันได้ อย่าให้เป็นเพียงแค่ คำพรรณา ลา ลา อาลัยรัก…

*เหรียญรามมาลาเข็มกล้ากลางสมร เป็นเหรียญราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดี ชั้นที่ ๕ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันมีศักดิ์รามาธิบดีนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชทาน และผู้ที่จะได้รับพระราชทานนั้น กฎหมายกำหนดลักษณะความชอบว่า ต้องเป็นผู้ทำความดีความชอบเป็นพิเศษ และเป็นประโยชน์ อย่างยิ่งแก่ราชการทหาร ไม่ว่าในยามสงบ หรือในยามสงคราม

ย้อนถามตัวเองหรือยัง ว่าเราตอบแทนแผ่นดิน อย่างคุ้มค่า ที่เกิดมาเป็นคนไทยกันอย่างไร

(ภาพและข้อความบางส่วน มาจากหนังสือ : เลือด เนื้อ เพื่อแผ่นดิน, จ่าเพียร ตำนานนักรบ นักสู้…แห่งเทือกเขาบูโด)